หน้าแรกการเมือง'พิชัย' ป้อง 'แม้ว' แก้หนี้ 'ทีพีไอ' ฟื้นเศรษฐกิจไทย-เหน็บ!คดี ปรส. ทำเสียหายแต่ไม่ถูกดำเนินคดี?

‘พิชัย’ ป้อง ‘แม้ว’ แก้หนี้ ‘ทีพีไอ’ ฟื้นเศรษฐกิจไทย-เหน็บ!คดี ปรส. ทำเสียหายแต่ไม่ถูกดำเนินคดี?

นายพิชัย นริพทะพันธุ์ แกนนำพรรคเพื่อไทยและอดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน กล่าวถึงกรณีที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ(ป.ป.ช.) มีมติดำเนินคดีกับ นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ในคดีการให้กระทรวงการคลังแก้ปัญหาหนี้บริษัททีพีไอนั้น อยากให้พิจารณาให้รอบคอบ หากจำกันได้ประเทศไทยในช่วงนั้นอยู่ในภาวะวิกฤตทางเศรษฐกิจมีหนี้เสียจำนวนมาก และหนี้ของบริษัททีพีไอ ก็เป็นหนึ้ที่กู้เป็นเงินสกุลดอลล่าร์สูงกว่า 3500 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือ 133,643.82 ล้านบาท ซึ่งเป็นหนี้ที่สูงที่สุดในประเทศไทยในขณะนั้น ดังนั้น นายกรัฐมนตรีขณะนั้นจึงมี ภาระหนักที่จะต้องแก้ไขหนี้เสียจำนวนมหาศาลของประเทศทั้งระบบหลังเกิดวิกฤตการณ์ต้มยำกุ้ง

“การที่นายกรัฐมนตรีขณะนั้นได้ให้กระทรวงการคลังเข้าแก้ไขปัญหาหนี้บริษัท ทีพีไอ น่าจะเป็นวิธีการที่ถูกต้องแล้ว เพราะขณะนั้นหนี้เสียในระบบธนาคารของไทยอยู่ในระดับที่สูงมาก การแก้ไขหนี้ทีพีไอโดยในที่สุดได้ให้ บมจ. ปตท. เข้าซื้อหุ้น บริษัท ทีพีไอ และเข้าดำเนินกิจการ ทำให้หนึ้เสียในระบบธนาคารลดลงอย่างมากและเศรษฐกิจของประเทศไทยสามารถกลับมาฟื้นตัวได้อย่างรวดเร็ว” นายพิชัย กล่าว

นายพิชัย กล่าวต่อไปว่า ซึ่ง ป.ป.ช. สามารถสอบถามจากเจ้าหนี้รายใหญ่ของบริษัท ทีพีไอ ในขณะนั้น คือ ธนาคารกรุงเทพ และ นายชาตรี โสภณพนิช กรรมการผู้จัดการ ในขณะนั้นได้ว่า การช่วยแก้ไขหนี้เสียของบริษัท ทีพีไอ ได้ช่วยให้ระบบธนาคาร และธนาคาร กรุงเทพ ผ่านพ้นวิกฤตมาได้ และ ต่อมา บริษัทได้เปลี่ยนชื่อเป็น บมจ. ไออาร์พีซี ซึ่งเป็นบริษัทลูกของ บมจ. ปตท. ในปัจจุบัน และมีผลประกอบการที่ดีมาก ทำให้ประเทศได้ประโยชน์อย่างมาก เพราะ บมจ. ปตท. เป็นรัฐวิสาหกิจของไทย ซึ่ง ป.ป.ช. สามารถ สอบถาม ดร. ไพรินทร์ ชูโชติถาวร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม (ปัจจุบัน) ที่เคยเป็นผู้บริหารสูงสุดของ บมจ. ไออาร์พีซี ก่อนที่จะมาเป็น ผู้บริหารสูงสุดของ บมจ. ปตท ได้

“นายทักษิณ เองก็ไม่ได้ประโยชน์อะไรจากเรื่องนี้ เพราะไม่ได้ถือหุ้น บมจ. ปตท. เลย มีแต่ประเทศได้ประโยชน์จากการตัดสินใจแก้ไขปัญหาของผู้นำประเทศในขณะนั้น และ ด้วยเหตุผลที่กล่าวมานี้อาจเป็นสาเหตุให้คณะกรรมการร่วมระหว่างอัยการสูงสุดกับ ป.ป.ช. เองยังหาข้อยุติในการฟ้องเรื่องนี้ไม่ได้ ป.ป.ช. จึงต้องดำเนินการฟ้องเอง ซึ่งอาจจะถูกมองว่าเป็นการกลั่นแกล้งได้ เพราะปัจจุบันรัฐไม่ได้เสียหายแต่อย่างใด แต่รัฐกลับได้ประโยชน์และกำไรอย่างมหาศาลจากมูลค่าหุ้นของ บมจ. ไออาร์พีซีนี้” นายพิชัย กล่าว

นายพิชัย กล่าวด้วยว่า หากเปรียบเทียบกับการขายสินทรัพย์ ปรส. ของ รัฐบาลประชาธิปัตย์จะเห็นว่าประเทศเสียหายมากกว่ามาก และมีเงื่อนงำการเอื้อประโยชน์ให้กับกองทุนต่างประเทศที่ระดมทุนในไทยเข้ามาซื้อหนี้เสียของประเทศในราคาถูกและนำไปขายในราคาแพงได้กำไรมหาศาลขนกลับประเทศโดยไม่ต้องเสียภาษี แต่กลับไม่มีการดำเนินคดี ทั้งนี้อยากให้ข้อมูลที่เป็นจริงและไม่ได้เป็นการแก้ต่างให้ เพราะพิสูจน์ ได้จากเศรษฐกิจของประเทศไทยที่ได้ฟื้นจริง และมูลค่าของบมจ. ไออาร์พีซีในปัจจุบัน โดยไม่อยากให้ผู้นำประเทศที่ตัดสินใจช่วยประเทศให้รอดพ้นจากวิกฤตเศรษฐกิจ แต่กลับต้องมาถูกดำเนินคดีแต่ผู้นำประเทศที่ทำประเทศเสื่อมถอยกลับไม่ได้รับผลจากการกระทำเลย จะเป็นแบบอย่างที่ไม่ถูกต้องในปัจจุบันและอนาคต

“ทั้งนี้ อยากให้รัฐบาลได้ดูผลการเลือกตั้งของประเทศมาเลเซียที่ฝ่ายค้านนำโดยอดีตนายกฯ มหาเธย์ วัย 92 ปี ชนะการเลือกตั้งอย่างพลิกล็อก ซึ่งเป็นบทเรียนให้เห็นว่าเมื่อไรที่รัฐบาลกระทำสวนความรู้สึกของประชาชนมากๆ ประชาชนจะลงโทษรัฐบาลในการเลือกตั้งได้” นายพิชัย กล่าง


 

RELATED ARTICLES

ทิ้งคำตอบไว้

กรุณาใส่ความคิดเห็นของคุณ!
กรุณาใส่ชื่อของคุณที่นี่

- Advertisment -spot_img
- Advertisment -spot_img
- Advertisment -spot_img