ที่ทำเนียบรัฐบาล นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกระแสข่าวที่ระบุว่า นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์และนายอุตตม สาวนายน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม เดินทางเข้าพบ นายสุชาติ ตันเจริญ แกนนำกลุ่มบ้านริมน้ำ เพื่อทาบทามให้มาร่วมงานกับรัฐบาล ว่า ต้องไปถามนายสนธิรัตน์และนายอุตตมเอง เรื่องการเมืองต้องพูดน้อย ๆ บ้านเมืองถึงจะเจริญ ทั้งนี้ ตัวหลักในการขับเคลื่อนการเมืองคือพรรคการเมือง ถ้าพรรคการเมืองมีคุณภาพ เอาเวลาส่วนใหญ่ไปคิดเรื่องนโยบายดี ๆ ไปดึงคนเก่ง คนดีมีความสามารถมาร่วมทำงาน ไม่ว่าจะพรรคใด เมื่อได้รับเลือกตั้งไปแล้ว ก็สามารถเอานโยบายเหล่านั้นมาใช้ในการพัฒนาประเทศได้
นายสมคิด กล่าวต่อไปว่า แต่ถ้ามีแต่พรรคการเมืองที่คิดแต่เรื่องการตีอีกฝ่ายหนึ่ง ด่าคนโน้น ด่าคนนี้แบบนี้ไม่ใช่การเมือง ไม่ได้ทำให้อะไรดีขึ้น คนก็จะเบื่อหน่ายการเมือง อย่างที่พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคสช.เคยพูดไว้ ว่าเห็นหรือไม่ ใครไปดูดใคร ไม่มีเลย แต่ทำไมคนอยากจะย้ายบ้าน เพราะว่าบ้านอยู่แล้วไม่มีความสุขหรือไม่ มันจึงต้องพัฒนาบ้านให้เป็นบ้านที่คนไทยฝากความหวังไว้ได้
“ผมจะแนะนำว่าพรรคการเมืองในขณะนี้ทีมีอยู่ กว่าจะถึงเลือกตั้ง พยายามคัดสรรคนดี ๆ ใช้เวลาส่วนใหญ่ในการคิดนโยบายเตรียมเอาไว้ เมื่อเลือกตั้งแล้วถ้าใครได้เป็นรัฐบาลหรือเข้าร่วมรัฐบาลอย่างไรก็แล้วแต่ จะได้ไปช่วยกันทำให้บ้านเมืองเจริญขึ้น นี่คือสิ่งที่ต้องสื่อความออกไป ไม่ใช่มาดูดนั้น ดูดนี่ ไร้สาระ 10 ปีก็อยู่กันแค่นี้ แล้วคนที่บอกว่าดูดส้วม ผมรู้จักดี ต้องพัฒนามากกว่านี้” นายสมคิด กล่าว
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า เพราะด้วยเหตุผลนี้หรือไม่ จึงจำเป็นต้องตั้งพรรคการเมืองขึ้นมาสานต่องานที่รัฐบาลได้ทำ นายสมคิด กล่าวว่า ตนไม่ทราบ เพราะตนดูสถานการณ์ในขณะนี้และอนาคต ความต่อเนื่องในการขับเคลื่อนประเทศ ความสงบของบ้านเมืองเป็นสิ่งจำเป็น ที่ผ่านมาก็เห็นอยู่แล้วว่าผลงานของรัฐบาลเป็นอย่างไรและก็ไปได้ดีเพียงพอ แต่ถ้าใครทำได้ดีกว่า ก็ไม่ได้ว่าอะไร เพราะประชาชนมีสิทธิเลือก แต่ที่จะบอกว่าใครจะมีพรรคหนุนคนนั้นคนนี้ เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับตน อย่างไรก็ตามที่เป็นกันอยู่ทุกวันนี้ ตนไม่เคยตอบโต้ เพราะทุกคนรู้จักกันดี เป็นเพื่อนกันทั้งนั้น วันหนึ่งข้างหน้าต้องทำงานร่วมกัน ดังนั้นเอาเวลาส่วนใหญ่ไปทำสิ่งดี ๆ ดีกว่า
เมื่อถามว่า นักการเมืองในขณะนี้ยังไม่เสียสละ เพื่อประเทศชาติเพียงพอใช่หรือไม่ นายสมคิด กล่าวว่า ตนไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้น แต่เมืองไทยต้องค่อยๆเปลี่ยน ต้องมีคนใหม่ๆเข้ามาทำงานร่วมกับคนเก่า สิ่งสำคัญคือต้อง มีไอเดียเป็นตัวนำ ส่วนใครจะเป็นผู้นำเป็นเรื่องที่จะตามมาทีหลัง ทั้งนี้ถ้าประเทศไทยมีคนอายุสี่สิบกว่าเป็นรัฐมนตรี ตนว่าจะมีอะไรใหม่ ๆ เกิดขึ้นเยอะ แล้วให้คนที่มีอาวุโส คอยเป็นพี่เลี้ยง ซึ่งตนมองว่าเป็นสิ่งทีดี อย่างกับประเทศสิงคโปร์ ซึ่งตนเห็นแล้วก็ทึ่ง
เมื่อถามอีกว่า ในช่วงเวลานี้ ได้มีการพูดคุยแลกเปลี่ยน กับเพื่อนนักการเมืองบ้างหรือไม่ นายสมคิด กล่าวว่า “ผมไม่เคยเจอพวกเขาเลย ผมไม่มีเวลาจริง ๆ พอไปต่างประเทศ เมื่อเห็นข่าวก็รู้สึกแปลกใจ แต่ก็ไม่เป็นอะไร เมื่อมาอยู่การเมือง หน้าที่คือทำให้ประเทศเดินไปข้างหน้าเท่านั้นเอง และไม่เคยพูดว่า ผมจะไปตั้งพรรคการเมือง ผมบอกแค่สนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ทำงานต่อ ถ้าท่านต้องการทำงาน ส่วนพรรคไหนจะสนับสนุนหรือทำอะไรก็แล้วแต่เขา ทุกกลุ่มเพื่อนกันทั้งนั้น พรรคประชาธิปัตย์ก็รู้จักกัน นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ก็เป็นคนดี พรรคเพื่อไทยก็มีคนดีเยอะ ต้องคิดอนาคตข่างหน้าว่า ถ้าต้องทำงานร่วมกัน แล้วจะทำอย่างไร เราต้องก้าวข้าม ความขัดแย้งทั้งหลาย เอาบ้านเมืองเป็นตัวตั้ง”
การตอบโต้ของนายสมคิด สืบเนื่องมาจาก เมื่อวันที่ (1 พ.ค.) คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ แกนนำพรรคเพื่อไทย กล่าวในตอนหนึ่งเมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า คุณหญิงสุดารัตน์ โดนดูดด้วยหรือไม่นั้น คุณหญิงสุดารัตน์ได้ทำท่าดูดปากพร้อมกับกล่าวว่า “ต้องใช้หลอดดูดไหม” ผู้สื่อข่าวจึงถามอีกว่า นายกฯ บอกว่าท่านไม่ใช่เครื่องดูดฝุ่น คุณหญิงสุดารัตน์จึงตอบว่า “กลัวจะเป็นรถสีเหลืองๆ น่ะสิ”
”