หน้าแรกเศรษฐกิจ-การเงินภาวะการลงทุนในตลาดหลักทรัพย์ไทย ประจำวันที่ 21 กันยายน 2564

ภาวะการลงทุนในตลาดหลักทรัพย์ไทย ประจำวันที่ 21 กันยายน 2564

SET ปิดบวก 11.80 จุด ฟื้นตัวแรงหลังคลายกังวลปัญหาเอเวอร์แกรนด์-ลุ้นประชุมเฟด

ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ ปิดวันนี้ ที่ระดับ 1,614.86 จุด เพิ่มขึ้น 11.80 จุด (+0.74%) มูลค่าการซื้อขาย 83,910.37 ล้านบาท นักวิเคราะห์ฯ เผย ตลาดหุ้นไทยวันนี้กลับมาปรับตัวขึ้นหลังวานนี้ปรับตัวลงแรงหลังรับรู้ปัญหาหนี้ไชน่า เอเวอร์แกรนด์ บริษัทอสังหาริมทรัพย์รายใหญ่ของจีน เชื่อปัญหาไม่ลุกลามเป็นวิกฤตเหมือนเลห์แมน บราเธอร์ส ส่วนประชุมเฟดสัปดาห์นี้ ตลาดคาด เฟดปรับลด QE Tapering โดยคาดวงเงินที่ปรับลด 2 หมื่นล้านเหรียญ หากตัวเลขน้อยกว่าที่คาดจะเป็นบวกกับตลาด แนวโน้มตลาดวันพรุ่งนี้คาดจะปรับตัวขึ้นต่อโดยมีกลุ่มแบงก์และประกันได้อานิสงส์จากการปรับลด QE และรัฐบาลเพิ่มเพดานหนี้สาธารณะ ส่งผลให้ผลตอบแทนพันธบัตรทั้งไทยและต่างประเทศปรับตัวสูงขึ้น ให้แนวต้านที่ 1,620-1,627 จุด แนวรับที่ 1,605 จุด

นายกิจพณ ไพรไพศาลกิจ ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์และนักกลยุทธ์ บริษัทหลักทรัพย์ ยูโอบีเคย์เฮียน (ประเทศไทย) กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยวันนี้กลับมาฟื้นตัวขึ้นหลังวานนี้ปรับตัวลงแรง ส่วนหนึ่งมองว่า ปัญหาหนี้ไชน่า เอเวอร์ แกรนด์ บริษัทอสังหาริมทรัพย์ขนาดใหญ่อันดับที่ 2 ของจีนกระทบระยะสั้นแต่ปัญหาไม่ได้ถึงขนาดลุกลามเป็นวิกฤต เหมือนเลห์แมน บราเธอร์ส

ส่วนการประชุมธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะทราบผลในเช้าวันที่ 23 ก.ย.ตามเวลาของไทย โดยตลาดคาดว่า เฟดจะส่งสัญญาณปรับลดวงเงินซื้อพันธบัตรตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE Tapering) มองว่าอาจไม่เป็นลบ ซึ่งขึ้นกับขนาดวงเงินที่ปรับลดลงซึ่งตลาดคาดปรับลดลง 2 หมื่นล้านเหรียญ ถ้าออกมาน้อยกว่าที่คาดก็เป็นบวกกับตลาดเพราะเป็นการส่งสัญญาณว่ากว่าจะปรับลดวงเงิน QE ให้หมดก็ต้องใช้เวลากว่าที่จะเข้าสู่การปรับขึ้นดอกเบี้ย จึงทำให้มีบรรยากาศการลงทุนเป็นบวก

แนวโน้มตลาดในวันพรุ่งนี้ นายกิจพณ คาดว่ายังมีโอกาสฟื้นต่อ เพราะตลาดรับรู้ข่าวปัญหาหนี้เอเวอร์ แกรนด์แล้ว และการประชุมเฟดไม่น่าจะมี surprise คาดว่าหุ้นกลุ่มแบงก์และกลุ่มประกันได้รับปัจจัยบวกจากการปรับลด QE รวมทั้งรัฐบาลได้ปรับเพิ่มเพดานหนี้สาธารณะไม่เกิน 70% ก็ทำให้ผลตอบแทนพันธบัตร(Bond Yield) ทั้งของไทยและต่างประเทศปรับตัวสูงขึ้น

อย่างไรก็ดี SET ต้องยืนเหนือระดับ 1,620 จุดให้ได้ ถ้ายืนไม่ได้มีโอกาสลงไปต่ำกว่าที่ 1,585 จุด ให้แนวต้านที่ 1,620-1,627 จุด แนวรับที่ 1,605 จุด

สิริวรรณ ลีลาประกอบชัย : ภาพและเรียบเรียง

RELATED ARTICLES
- Advertisment -spot_img
- Advertisment -spot_img
- Advertisment -spot_img