เมื่อวันที่ 6 มิถุนายน 2564 ผู้สื่อข่าวไทยแทบลอยด์รายงานว่า พล.ต.ท.อำนวย นิ่มมะโน อดีตผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 1 (อดีต ผบช.ภ.1) ผู้เชี่ยวชาญด้านสืบสวนสอบสวน ได้โพสต์แสดงความคิดเห็นถึง ”คดีน้องชมพู่” ในเฟสบุ๊ค มีใจความว่า : “กระบวนการยุติธรรม ต้องปราศจากการแทรกแซง” คดี ‘น้องชมพู่’ เสียชีวิตเกิดมานานประมาณปีเศษ เป็นหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ตำรวจ และพนักงานสอบสวนที่จะต้องทำการ “สืบสวน” “สอบสวน” ให้ได้ข้อยุติว่า น้องชมพู่ เสียชีวิตเอง หรือมีผู้ทำให้เสียชีวิต ถ้าเสียชีวิตเองจะไม่เป็นความผิดอาญา พนักงานสอบสวนเพียงแค่ทำสำนวนชันสูตรพลิกศพ เพื่อพิสูจน์ให้ได้ข้อเท็จจริงว่า ผู้ตายเป็นใคร ? ตายที่ไหน ? ตายเมื่อไหร่ ? ตายอย่างไร ? ก็เท่านั้น แต่ถ้ามีผู้ทำให้ตายจะเป็นหน้าที่ของพนักงานสอบสวนที่จะต้องรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อ พิสูจน์ให้เห็นความผิด ว่า มีการกระทำความผิดอาญาฐานใดเกิดขึ้น (ฆ่าผู้อื่น หรือกระทำโดยประมาทจนเป็นเหตุ ให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย) และพิสูจน์ให้ได้ว่าใครคือผู้กระทำความผิด เพื่อติดตามจับกุมตัวมาดำเนินคดีต่อไป
“การสอบสวน” คือ การรวบรวมพยานหลักฐานซึ่งพนักงานสอบสวนได้กระทำไปตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญาเพื่อพิสูจน์ความผิดหรือความบริสุทธิ์ และ/หรือ เอาตัวผู้กระทำผิดมาฟ้องลงโทษกระบวนการนี้จึงเป็นกระบวนการในการรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อพิสูจน์ให้เห็นความผิดตามที่กล่าวหา เช่น กล่าวหาว่า ฆ่าผู้อื่นตายก็จะต้องรวบรวมพยานหลักฐาน ไม่ว่าจะเป็นพยานบุคคล พยานวัตถุ พยาน เอกสาร พยานหลักฐานด้านนิติวิทยาศาสตร์ หรือพยานอื่น ใดบรรดามี ที่จะพิสูจน์ให้เห็นว่าผู้กระทำผิด ได้ลงมือกระทำการฆ่าผู้ตาย จนถึงแก่ความ ตายสมเจตนา จากนั้นก็จะส่งสำนวนการสอบสวนพยานหลักฐานที่รวม ได้ให้พนักงานอัยการตรวจสอบความถูกต้อง ครบถ้วนสมบูรณ์ก่อนที่จะมีความเห็นทางคดีสั่งฟ้องหรือไม่ฟ้อง หากฟ้อง คดีจะเข้าสู่กระบวนการในชั้นศาลต่อไป พยานหลักฐานที่พนักงานสอบสวนรวบรวมจึงถือเป็นความลับไปจนกว่าจะมีการพิสูจน์กันในชั้นศาล เพราะหากไม่แล้วจะ ทำให้เกิดการได้เปรียบเสียเปรียบในทางคดี เกิดความไม่เป็นธรรมกับคู่กรณี เพราะหากยอมให้ฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดล่วงรู้ถึงพยานหลักฐานของอีกฝ่ายหนึ่งเสียตั้งแต่ต้น ก็สามารถเปรียบเทียบง่าย ๆ จะเหมือนกับเล่น “ไฮโลกันแล้วยอมเปิดถ้วยให้แทง”

คดีการเสียชีวิตของ ‘น้องชมพู่’ ถูกนำไปสร้างกระแส ถูกนำไปสร้างมูลค่าเพิ่ม ถูกนำไปชี้นำ สร้างภาพ โปรโมตตัวเอง ให้สังคมรู้จัก จนถึงขนาดทำให้บางคนกลายเป็นซุปเปอร์สตาร์ กระผมเองเลิกติดตามคดีนี้มาสักพักหนึ่งแล้วเพราะเห็นว่า เริ่มเป็นเรื่องไร้สาระเข้าไปทุกวัน จนกระทั่งศาลอนุมัติหมายจับและมีการจับกุมตัว ‘ลุงพล’ มาดำเนินคดี และมีประเด็นที่ ทำให้กระผมต้องลุกมานั่งเขียนเรื่องนี้อีกครั้งหนึ่ง ก็เนื่องจาก ‘ทนายความของลุงพล’ อ้างว่า ได้นัดหมายไปยื่นเรื่องร้องขอความเป็นธรรม ต่อ ส.ส.สิระ เจนจาคะ คณะกรรมาธิการการกฎหมาย การยุติธรรม และสิทธิมนุษยชน สภาผู้แทนราษฎร เพื่อให้ตรวจสอบพยานหลักฐาน ในการขออนุมัติหมายจับ ลุงพล ในครั้งนี้
ซึ่งวันนี้ มีข่าวว่า กรรมาธิการคณะดังกล่าว เด้งรับ จนถึงขนาดจะเชิญ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ และพนักงานสอบสวน มาขี้แจงถึงพยาน หลักฐาน ที่ขออนุมัติออกหมายจับในคดีดังกล่าวในวันที่ 16 มิถุนายน 2564 โดยตั้งประเด็นว่า อาจจะเป็นการขออนุมัติหมายจับโดยมิชอบ ซึ่งถ้าหากผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติและพนักงานสอบสวน นำพยานหลักฐานไปชี้แจงต่อ กรรมาธิการ ตามคำร้องของทนายลุงพลแล้วละก็ จะกลายเป็นการไปเปิดถ้วยไฮโลให้ทนายลุงพลแทง ก็เท่านั้นเอง!!!
แล้วความเป็นธรรมจะอยู่ตรงไหน ? คู่กรณีจะเสียความเป็นธรรมหรือไม่ ? พนักงานสอบสวน รวมถึงตัว ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) เอง ในฐานะหัวหน้าพนักงานสอบสวนทั่วราชอาณาจักร จะมีความผิดฐานนำความลับในสำนวนไปเปิดเผยหรือไม่ ? ช่วยแยกกันให้ออกนะครับ ระหว่าง “สืบสวน” กับ “สอบสวน” ถ้ามีผู้ไปร้องเรียนเรื่องการปฏิบัติหน้าที่ของตำรวจในการค้น ในการจับ ซึ่งเป็นหน้าที่ ของตำรวจ ฝ่ายสืบสวน, ป้องกันปราบปราม ว่า มีการละเมิดสิทธิ์หรือไม่ได้รับความเป็นธรรมอะไร ? อย่างไร ? ก็ว่ากันไป แต่ถ้าล่วงเลยไปถึงการรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อพิสูจน์ให้เห็นความผิดหรือความบริสุทธิ์และหรือเอาตัวผู้กระทำผิดมาลงโทษ อันเป็นหน้าที่ของพนักงานสอบสวน ดังเช่นคดีนี้แล้ว จะมีใคร ? (บุคคลหรือคณะบุคคล) มีสิทธิ์ หรือ มีความถูกต้อง เหมาะสม ที่จะยื่นมือเข้าไปล้วงความลับในสำนวนการสอบสวน พยานหลักฐานที่พนักงานสอบสวน รวบรวมไว้ได้หรือไม่ ?เหมาะสมหรือไม่ ? จะเกิดความเป็นธรรมกับคู่กรณีหรือไม่ ?
ถ้ายังคิดไม่ออก กระผมขอกระซิบบอกว่า คดีนี้ถ้า ‘ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ’ และ ‘พนักงานสอบสวน’ นำพยานหลักฐานไปชี้แจงต่อกรรมาธิการต่อหน้าทนายความ ‘ลุงพล’ หรือไม่ก็ตาม ก็จะเป็นบรรทัดฐานให้ทนายความในคดีอื่น ๆ ใช้ช่องทางนี้ ล้วงเอาความลับในสำนวน ล้วงเอาพยานหลักฐาน ในสำนวน แล้วกระบวนการยุติธรรมเบื้องต้นจะอยู่กัน ยังไงอีกต่อไป กระผมคิดไม่ออกบอกไม่ถูกคำถามสุดท้าย “คิดได้ไง” แล้วจะไปกันหรือเปล่า….ไปกันใหญ่แล้ว ต้วมเตี้ยม เป็นเตี้ยอุ้มค่อม เพิ่งจะประชุม ไปได้สักสิบมาตรามั้ง เฮ้ยยยยยย..!!! พล.ต.ท.อำนวย นิ่มมะโน กรรมการปฏิรูปประเทศ ด้านกระบวนการยุติธรรม 5 มิถุนายน 2564 “พล.ต.ท.อำนวย แสดงความเห็นต่อคดีดังกล่าว บนเฟสบุ๊ค”

