หน้าแรกกระบวนการยุติธรรม“ผบ.ตร.” ยืนยันพยานนิติวิทยาศาสตร์ สอดรับพยานแวดล้อมมัดแน่น! อ่านหมายก่อนจับตัว ‘ลุงพล’

“ผบ.ตร.” ยืนยันพยานนิติวิทยาศาสตร์ สอดรับพยานแวดล้อมมัดแน่น! อ่านหมายก่อนจับตัว ‘ลุงพล’

วันนี้ (2 มิถุนายน 2564) เวลา 11.45 น. ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) กล่าวถึงการคลี่คลายคดีการเสียชีวิตของ ด.ญ.อรวรรณ วงศ์ศรีชา หรือน้องชมพู่ วัย 3 ขวบ ซึ่งหายตัวไปจากบ้านพักในหมู่บ้านกกกอก ต.กกตูม อ.ดงหลวง จ.มุกดาหาร เมื่อวันที่ 11 พฤษภาคม 2563 ก่อนถูกพบเสียชีวิตอยู่บริเวณเขาภูเหล็กไฟ บ้านกกกอก ห่างจากบ้านพักประมาณ 5 กิโลเมตร เมื่อวันที่ 14 พฤษภาคม 2563 ว่า เราทำตามพยานหลักฐานที่รวบรวมไว้แล้วไปขอหมายก็ต้องดำเนินคดีไปตามกระบวนการยุติธรรม ส่วนพยานหลักฐานมีการพูดถึงกันเยอะมาก แต่ไม่สามารถออกมาพูดรายละเอียดได้ ยืนยันถ้าไม่มีพยานหลักฐานตำรวจไม่สามารถขอหมายจับได้ เราจะตั้งข้อหาใครต้องมีพยานหลักฐานเท่านั้น ซึ่งศาลจังหวัดมุกดาหารได้ออกหมายจับ ที่ จ 53 /2564 ลงวันที่ 1 มิถุนายน 2564 จำนวน 3 ข้อหา ประกอบด้วย พรากเด็กอายุไม่เกินสิบห้าปี ไปเสียจากบิดามารดา โดยปราศจากเหตุอันควร, ทอดทิ้งเด็กอายุไม่เกินเก้าปี เพื่อให้เด็กนั้นพ้นไปเสียจากตน โดยประการที่ทำให้เด็กนั้นปราศจากผู้ดูแล เป็นเหตุให้เด็กถึงแก่ความตาย, และกระทำการใด ๆ แก่ศพหรือสภาพแวดล้อมในบริเวณที่พบศพ ก่อนการชันสูตรพลิกศพเสร็จสิ้น ในประการที่น่าจะทำให้การชันสูตรพลิกศพหรือผลทางคดีเปลี่ยนแปลงไป อย่างไรก็ตามตำรวจมีหน้าที่ของเรา เมื่อเจอผู้ต้องหาก็จับ

ทั้งนี้ ได้รับทราบจากชุดสืบสวนว่า เป็นการจับกุมตัว ส่วนเรื่องการประกันตัวเป็นอำนาจของพนักงานสอบสวนพิจารณา ให้ติดตามดู ซึ่งต้องพิจารณาว่าจะมีใครมาขอยื่นประกันตัวหรือไม่ และอยู่ที่ดุลยพินิจของพนักงานสอบสวนว่าจะพิจารณาอย่างไร คงไปตอบก่อนไม่ได้ ทั้งนี้ชุดสืบสวนได้แสดงหมายจับ อ่านข้อหา และแจ้งสิทธิตามกฎหมายให้ผู้ต้องหารับทราบ หลังจากนี้จะต้องส่งตัวไปลงบันทึกการจับกุมตัวที่ สน.ปทุมวัน ก่อนจะนำตัวขึ้นเครื่องบินเพื่อส่งตัวไปให้พนักงานสอบสวนที่รับผิดชอบคือ สภ.กกตูม พนักงานสอบสวนก็ต้องไปดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมายซึ่งมีเวลาควบคุมตัวไว้ที่ตำรวจ 48 ชั่วโมง หลังจากนั้นหากจำเป็นต้องสอบสวนต่อ ก็ต้องนำตัวไปฝากขังที่ศาล

เมื่อถามว่า จะพิจารณาแจ้งข้อหาเพิ่มเติมจาก 3 ข้อหานี้หรือไม่ หากพบพยานหลักฐานอื่นเพิ่มเติม

พล.ต.อ.สุวัฒน์ กล่าวว่า หากยังไม่หมดเวลาก็มีเวลาทำก็จะทำไปเรื่อย ๆ แต่เมื่อมีการจับกุมแล้วก็จะมีเวลาในการจะต้องทำให้เสร็จในเวลาเท่าไหร่ ทั้งนี้ตำรวจมั่นใจในพยานหลักฐาน หากคนอื่นจะคิดอย่างไรก็เป็นสิทธิของเขา เจ้าหน้าที่ทำไปตามกฎหมาย ตามพยานหลักฐาน ไม่ได้ทำตามใจใคร ณ วันนี้ยืนยันว่าออกหมายจับได้ 1 คน หากมีมากกว่านี้ก็ต้องทำอยู่แล้ว เพราะตำรวจทำงานมาตลอดไม่ได้ทิ้งไปไหน

ผู้สื่อข่าวถามอีกว่า หลังหมายจับออกแล้ว และเป็นที่ทราบกันว่า นายไชย์พล ถูกออกหมายจับ มีการพานายไชย์พลเข้ามาที่กรุงเทพฯ จะเป็นการหลบหนีหมายจับหรือไม่

พล.ต.อ.สุวัฒน์ กล่าวตอบว่า จะต้องดูพฤติการณ์และเจตนาต่าง ๆ ประกอบ และต้องรับฟังพยานหลักฐานอื่นด้วย คงตอบตรงนี้ไม่ได้

และเมื่อถามต่อว่า ผบ.ตร. จะมีการไปสอบปากคำด้วยตนเองหรือไม่

พล.ต.อ.สุวัฒน์ กล่าวว่า  คงไม่ เพราะมั่นใจในทีมสืบสวน เพราะเป็นคดีฆาตกรรม รายละเอียดหลายอย่างที่ไม่ควรจะออกมาสู่สาธารณะก็ออกมาเยอะมาก มีทั้งผิดและถูกมาเป็นเวลา 1 ปีแล้ว คดีนี้เหมือนคดีอื่น ๆ   ที่ทำมาในชีวิตบางเรื่องหลายปีแล้วยังปิดไม่ได้ก็มี ก็มีได้บ้างไม่ได้บ้าง ทำได้ก็ดีใจ แต่ว่าถ้าเทียบกับการแข่งขันฟุตบอลอันนี้พึ่งเข้ารอบสุดท้ายฟุตบอลโลก ที่แข่งมาก่อนหน้านี้รอบคัดเลือกบางทีมก็เก่งมากพอรอบสุดท้ายตกรอบก็มี บางทีสภาพไม่ดีแต่พอถึงรอบสุดท้ายอาจจะได้แชมป์ก็ได้

ทั้งนี้ ต้องสู้กันอีกหลายศาลก็ต้องว่ากันไป ตราบใดที่ยังไม่ถูกตัดสินผู้ที่ถูกกล่าวหาก็ต้องถือเป็นผู้บริสุทธิ์

ผู้สื่อข่าวถามว่า แม่ของน้องชมพู่ ติดตามการแถลงในครั้งนี้อยู่ตลอด อยากจะฝากอะไรถึงครอบครัวน้องชมพู่

พล.ต.อ.สุวัฒน์ กล่าวว่า “ฝากว่าทีมตำรวจเราเคยรับปากไว้ว่า จะทำให้ดีที่สุด เราก็ทำตามสัญญา แต่ว่ามันยังไม่จบ  เราก็จะทำต่อไป”

ผบ.ตร. กล่าวว่า สำหรับคดีนี้มีการใช้พยานหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์ เราใช้ทุกอย่างที่เรามีในการทำงาน เรามองไปนอกองค์กรว่ามีเครื่องไม้เครื่องมืออะไรบ้างที่นำมาใช้ได้บ้าง แต่ตนไม่ขอเปิดเผยเพราะเกรงจะกระทบกระเทือนการทำหน้าที่ ขอฝากสังคมเป็นบทเรียนว่าคดีนี้เป็นคดีฆาตกรรม มีความซับซ้อนหรือไม่ก็อีกเรื่องหนึ่ง แต่เรื่องที่แตกต่างจากคดีอื่น คือการไต่สวนบนโลกโซเชียลฯ ซึ่งเคยเกิดปรากฏการณ์แบบนี้ในคดีเกาะเต่า แต่ครั้งนี้หนักกว่าครั้งที่แล้ว ตนไม่อยากจะเชื่อว่ามีประชาชนหลายคนติดตามคดีนี้จนเสพติดชนิดกินไม่ได้นอนไม่หลับ เกิดอาการแบบนั้น อาจเป็นเพราะภูมิคุ้มกันในเรื่องโซเชียลฯ ไม่เพียงพอ แล้วสังคมเราก็เกิดปรากฏการประหลาดๆ หากเทียบเคียงกับในต่างประเทศก็เคยเกิดเหตุการณ์แบบนี้ มีการไต่สวนตั้งข้อหาแตกประเด็น ลากยาวไปถึงเรื่องไสยศาสตร์ ซึ่งเป็นบทเรียนกับตัวตนเองด้วยว่ามันไปได้ถึงขนาดนี้ ก็ฝากว่าเสพเรื่องพวกนี้ให้ใช้วิจารณญาณ บางคนบอกตนว่าให้หยุดตามคดีนี้ซัก 2 อาทิตย์แล้วสุขภาพจิตท่านก็จะดีขึ้น

“คดีนี้เราใช้นิติวิทยาศาสตร์ประกอบกับวิชาการ ไม่มีศาสตร์ใดศาสตร์หนึ่งเพียงอย่างเดียวที่จะพิสูจน์ความผิดได้ บางคนถามว่าทำไมมันนานมันช้า ตนก็บอกว่ามันก็มีศาสตร์ใหม่ๆ ที่เราเอามาใช้ในเรื่องนี้ ซึ่งการเอามาประยุกต์กับการสืบสวนก็ต้องสามารถอธิบายหลักความคิดทางวิชาการของศาสตร์นั้น ๆ ว่า ตัดสินแบบนี้คิดแบบนี้ บนพื้นฐานของหลักวิชาการเรื่องอะไร เราก็ต้องไปหานักวิชาการมารองรับทฤษฎีหรือแนวความคิดแบบนี้ เหมือนเราบอกว่าจะคำนวณความเร็วของรถ มีสูตรในการคำนวณ พนักงานสอบสวนต้องไปหาว่าคุณเอาสูตรนี้มากจากไหน มันเกิดขึ้นมาได้อย่างไร เราจะหาธาตุต่าง ๆ ที่อยู่ในเส้นผม ก็ต้องบอกได้ว่าไปเอาวิชานี้มากจากไหน โลกนี้มีใครยอมรับบ้าง ความถูกต้องมีกี่เปอร์เซ็นต์ทฤษฎีโต้แย้งมีหรือไม่  เรารวบรวมทุกอย่างทั้งหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์ วัตถุพยาน พยานบุคคล พยานแวดล้อม หลักวิชาการต่าง ๆ ทั้งวิทยาศาสตร์ทั่วไป หลักพฤติกรรมศาสตร์ แม้กระทั่งไสยศาสตร์และความเชื่อต่าง ๆ รวบรวมเอามาวิเคราะห์ทั้งหมด” ผบ.ตร.กล่าว

ส่วนที่มีการตั้งข้อสังเกตว่าที่มีการออกหมายจับนายไชย์พลในช่วงนี้ เพื่อต้องการกลบกระแสข่าวศึกอภิปรายงบประมาณรายจ่ายประจำปี หรือไม่ พล.ต.อ.สุวัฒน์ กล่าวว่า  ต้องไปถามคนที่โยงเรื่องนี้ ว่าไปเอาความคิดนี้มาจากไหน

โฆษก ตร. ยืนยัน ตำรวจจับกุมลุงพลตามหมาย ไม่ได้มอบตัว

พล.ต.ต.ยิ่งยศ เทพจำนงค์ โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กล่าวว่า เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา ตำรวจฝ่ายสืบสวนได้นำหมายจับไปแสดงที่บ้านพักของนายไชย์พล ในหมู่บ้านกกกอก จ.มุกดาหาร ต่อมาทราบว่า ทนายความ ได้พาตัวนายไชย์พล เดินทางมาที่ห้องโถงชั้นล่าง อาคาร 1 สำนักงานตำรวจแห่งชาติ(ตร.) พ.ต.อ.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ รอง ผบก.ปส.3 ได้เข้าแสดงหมายจับ และจับกุมตัวนายไชย์พล ไว้ได้ และประสานให้ พ.ต.อ.พันษา อมราพิทักษ์ ผกก.สน.ปทุมวัน นำกำลังมาควบคุมตัว ส่งพนักงานสอบสวน สน.ปทุมวัน

พล.ต.ต.ยิ่งยศ กล่าวอีกว่า ระหว่างการแถลงข่าวของศูนย์ ศปน.ตร. พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) ได้สรุปผลการปฏิบัติการทำงานของตำรวจในคดีการเสียชีวิตของน้องชมพู่ในห้วงที่ผ่านมา พร้อมตอบข้อซักถามสื่อมวลชน ว่า ชุดสืบสวนและพนักงานสอบสวน ได้ทำงานอย่างหนักในการรวบรวมพยานหลักฐาน สอบสวนพยานบุคคล พยานแวดล้อม และวัตถุพยานทางนิติวิทยาศาสตร์ จนนำไปสู่การออกหมายจับนายไชย์พล โดยยืนยันว่าตำรวจทำงานอย่างละเอียดรอบคอบ และทำอย่างดีที่สุด โดย ผบ.ตร. ยังฝากถึงแม่น้องชมพู่ ผ่านทางสื่อมวลชน ว่า ที่ตำรวจเคยรับปากไว้ว่าจะทำให้ดีที่สุด วันนี้ตำรวจได้ทำตามสัญญา แจ้งข้อกล่าวหานายไชย์พล แล้ว แต่ว่ามันยังไม่จบ โดยกระบวนการสอบสวนรวมพยานหลักฐาน ก็ต้องเดินหน้าต่อไป จนกระทั่งมีความเห็นทางคดี และการพิจารณาของศาลในที่สุด

สำหรับขั้นตอนทางคดี พนักงานสอบสวนสน.ปทุมวัน ได้ลงบันทึกประจำวันและแจ้งข้อกล่าวหา ก่อนจะควบคุมตัวนายไชย์พล ส่งกลับไปดำเนินคดีที่ สภ.กกตูม จว.มุกดารหาร ซึ่งเป็นท้องที่เกิดเหตุ ส่วนการยื่นขอประกันตัว ขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของพนักงานสอบสวน ว่าจะให้ประกันตัวหรือไม่อย่างไร

ตร.คุมตัว ‘ลุงพล-ไชย์พล’ นั่ง ฮ. กลับ มุกดาหาร สอบเครียด

ผู้สื่อข่าวรายงาน วันเดียวกัน เวลา 13.10 น. ที่สน.ปทุมวัน ตำรวจฝ่ายสืบสวน ควบคุมตัวลุงพล ออกจากห้องสอบสวนและขึ้นรถ เพื่อเดินทางไปยังกองบินตำรวจ และขึ้นเฮลิคอปเตอร์ต่อไปที่ สภ.กกตูม จ.มุกดาหาร ซึ่งเป็นพื้นที่เกิดเหตุรับตัวไปสอบสวนดำเนินคดีต่อ

ระหว่างการควบคุมตัวลุงพลขึ้นรถคุมผู้ต้องหา ป้าแต๋น และทนายษิทรา ได้ขึ้นรถไปพร้อมกัน โดยไม่มีการตอบคำถามสื่อมวลชน

เบื้องต้นพนักงานสอบสวน สน.ปทุมวัน เปิดเผยว่า ลุงพล ให้การปฏิเสธในทุกข้อกล่าวหา

ล่าสุด เมื่อเวลา 16.15 น. ตำรวจคุมตัวลุงพล นั่งเฮลิคอปเตอร์ จาก กทม. เดินทางถึง จ.มุกดาหาร จากนั้นนำตัวไปสอบสวนที่กองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัดมุกดาหาร

RELATED ARTICLES
- Advertisment -spot_img
- Advertisment -spot_img
- Advertisment -spot_img