หน้าแรกกระบวนการยุติธรรมกองปราบจับแก๊งลักรถตามปฏิทิน หมายจับของตำรวจภูธร ภาค 3.

กองปราบจับแก๊งลักรถตามปฏิทิน หมายจับของตำรวจภูธร ภาค 3.

24 มีค.2564 กองบังคับการปราบปราม กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ภายใต้การอำนวยการสั่งการของ พล.ต.ต.จิรภพ ภูริเดช รอง ผบช.ก./หน.ชป.2 ศปจร.ตร., พล.ต.ต.สุวัฒน์ แสงนุ่ม ผบก.ป., พ.ต.อ.พัฒนศักดิ์ บุบผาสุวรรณ, พ.ต.อ.ณัฐพงษ์ ปิตะบุตร, พ.ต.อ.พรศักดิ์ เลารุจิราลัย รอง ผบก.ป., พ.ต.อ.ปทักข์ ขวัญนา ผกก.4.บก.ป., พ.ต.ท.รณกร สุขมงคล, พ.ต.ท.พงษ์พันธ์ ศิริภัทรนุกุล, พ.ต.ท.มนูญ แก้วก่ำ, พ.ต.ท.เอกสิทธิ์ ปานสีทา รอง ผกก.4.บก.ป.

เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุม นำโดย พ.ต.ท.อภิชน ขันกา สว.กก.4 .บก.ป.พร้อมเจ้าหน้าที่ตำรวจ ชุดปฏิบัติการ 5.กก.4.บก.ป.

ร่วมกันจับกุม นายสิทธิชัย (สงวนนามสกุล) อายุ 34 ปี ซึ่งเป็นผู้ต้องหาตามหมายจับ
1. หมายจับศาลจังหวัดอุบลราชธานี ที่ 48/2560 ลงวันที่ 17 กุมภาพันธ์ 2560 ในข้อกล่าวหา “ร่วมกันลักทรัพย์ในเคหะสถานเวลากลางคืน โดยใช้ยานพาหนะเพื่อสะดวกในการลักทรัพย์ หรือพาทรัพย์นั้นไป” สภ.พิบูลมังสาหาร จ.อุบลราชธานี
2.หมายจับของศาลจังหวัดอุบลราชธานี ที่ 35/2560 ลงวันที่ 17 กุมภาพันธ์ 2560 ในข้อกล่าวหา “ร่วมกันตั้งแต่สองคนขึ้นไปลักทรัพย์ (รถจักรยานยนต์) ในเคหสถานในเวลากลางคืน โดยใช้ยานพาหนะเพื่อสะดวกแก่การกระทำผิด การพาทรัพย์นั้นไปหรือเพื่อให้พ้นการจับกุม หรือรับของโจร” สภ.นาโพธิ์ จ.อุบลราชธานี

เนื่องด้วยกองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 3 ได้เผยแพร่ปฏิทินหมายจับผู้ต้องหาของทางศูนย์ปราบปรามการโจรกรรมรถยนต์ รถจักรยานยนต์ ตำรวจภูธรภาค 3 ซึ่งมีนายสิทธิชัยฯ (ผู้ต้องหา) เป็น 1 ในรายชื่อในปฏิทินหมายจับและยังไม่ได้ถูกจับกุมดำเนินคดีแต่อย่างใด ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมจึงได้ทำการสืบสวนติดตามจับกุมนายสิทธิชัยฯ ตามหมายจับดังกล่าว จนกระทั่งทราบว่า ผู้ต้องหาหลบหนีมาพักอาศัยอยู่ที่บริเวณบ้าน ม.8 ต.ท่าใหญ่ อ.หนองบัวแดง จ.ชัยภูมิ เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมจึงได้ลงพื้นที่ตรวจสอบ เมื่อพบผู้ต้องหา จึงได้ทำการจับกุมและนำตัวส่งพนักงานสอบสวน สภ.พิบูลมังสาหาร ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

จากการสอบถาม ผู้ต้องหาให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา ว่าตนก่อเหตุเมื่อปี 2560 ร่วมกันกับคนรู้จักอีก 2 คน (ไม่ทราบชื่อจริง) โดยผู้ต้องหาจะทำหน้าที่ขับขี่รถจักยานยนต์ พาเพื่อนไปก่อเหตุ โดยมี นายอ่อนฯ เป็นคนขับรถอีกคัน และมีนายโอฯ เป็นคนลงมือหักคอรถจักยานยนต์ ก่อนจะต่อสายตรงรถจักรยานยนต์คันดังกล่าว เมื่อสามารถลักรถจักรยานยนต์ได้แล้ว กลุ่มของตนจะนำรถจักรยานยนต์ไปส่งขายที่ฝั่งประเทศเพื่อนบ้าน โดยผ่านช่องทางบริเวณ อ.โขงเจียม จ.อุบลราชธานี ซึ่งในการก่อเหตุแต่ละครั้ง ตนจะใช้รถจักยานยนต์ 2 คันในการก่อเหตุ และสำหรับการเลือกรถจักยานยนต์ ตนจะเลือกรถจักรยานยนต์ที่ไม่ล็อคคอหรือรถจักรยานยนต์ที่จอดอยู่ในบ้านที่ไม่ปิดประตู โดยผู้ต้องหายอมรับว่าทำมาแล้วหลายครั้งหลายพื้นที่ใน จ.อุบลราชธานี

ซึ่งในการก่อเหตุแต่ละครั้ง ผู้ต้องหาจะได้รับเงินจากนายโอฯ จำนวน 1,000 บาท ต่อรถจักรยานยนต์หนึ่งคัน แต่ผู้ต้องหาให้การว่าตนเองจำไม่ได้ว่าเคยก่อเหตุลักรถจักรยานยนต์ไปแล้วทั้งหมดกี่คัน

RELATED ARTICLES
- Advertisment -spot_img
- Advertisment -spot_img
- Advertisment -spot_img