นายฐากร ปิยะพันธ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เครือไทย โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) หรือ Thai Group เปิดเผยว่า ในรอบกว่า 1 ปีที่ผ่านมาภายใต้วิกฤติการแพร่ระบาดเชื้อโควิด-19 ที่ทำให้ทั่วโลกยังต้องเผชิญกับความผันผวนทั้งด้านเศรษฐกิจ สังคม สุขภาพ โดยเฉพาะการดำเนินชีวิตและพฤติกรรมของผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไป ส่งผลกระทบต่อการใช้ชีวิตและภาคอุตสาหกรรมต่าง ๆ เช่นเดียวกับบริษัท เครือไทย โฮลดิ้งส์ ที่ดำเนินธุรกิจด้านประกันและการเงิน โดยประกอบด้วย อาคเนย์ประกันภัย อาคเนย์ประกันชีวิต อาคเนย์แคปปิตอล อาคเนย์มันนี่ และไทยประกันภัย ก็ได้รับผลกระทบและต้องปรับตัวสู่ยุคที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วแบบ New Normal จึงต้องนำเทคโนโลยีเข้ามาเพิ่มและพัฒนาผลิตภัณฑ์รูปแบบใหม่ ที่ตอบโจทย์ตรงใจลูกค้าให้มากที่สุด ด้วย 6 กลยุทธ์การดำเนินธุรกิจ
- การมุ่งสร้างการเติบโตอย่างเข้มแข็ง ผ่านการปรับพอร์ตธุรกิจประกันชีวิต
- สร้างประการณ์ที่ดีให้กับลูกค้า ยึดลูกค้าเป็นศูนย์กลางในการพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการ
- สร้างประสบการณ์ที่ดีของพนักงานด้วยการพัฒนาทักษะและสภาพแวดล้อมที่ดีในการทำงาน
- พัฒนาการใช้งานบิ๊กดาต้า เพื่อวิเคราะห์พฤติกรรมผู้บริโภค
- สร้างกระบวนการทำงานที่มีประสิทธิภาพด้วยเทคโนโลยี
- ปรับโครงสร้างองค์กรรับโมเดลธุรกิจใหม่
ทั้งนี้ด้วย 6 กลยุทธ์หลัก เพื่อสร้างอัตราการเติบโตและมั่นคงทางธุรกิจแบบรอบด้าน เพื่อมุ่งสู่การเป็น Financial as A Service ของไทย ซึ่งในปัจจุบันเรามีลูกค้าทั่วประเทศกว่า 4 ล้านคน แบ่งเป็นกลุ่มลูกค้าประกันชีวิต 700,000 คน คุ้มครองรถยนต์ 2.6 ล้านคน คุ้มครองทรัพย์สิน 1.2 ล้านคน และ คุ้มครองอุบัติเหตุ สุขภาพและอื่น 210,000 คน อย่างไรก็ตามในปีนี้บริษัทตั้งเป้าหมายมีรายได้รวมเติบโตขึ้น 14% และคาดว่าในระยะ 3 ปีข้างหน้า หรือในปี 2566 บริษัทจะมีรายได้รวมอยู่ที่ระดับ 30,000 ล้านบาท และตั้งเป้ามีกำไรสุทธิเติบโตเพิ่มขึ้นเฉลี่ยปีละ 20%” นายฐากร กล่าว
ส่วนผลการดำเนินงานของกลุ่มเครือไทยโฮลดิ้ง ในปี 2563 ที่ผ่านมา บริษัทมีรายได้รวม 23,300 ล้านบาท ลดลง 4% เมื่อเทียบกับปี 2562 ที่มีรายได้รวม 24,163 ล้านบาท โดยแบ่งเป็นรายได้จากธุรกิจประกันชีวิต 10,092 ล้านบาท ลดลง 10% ธุรกิจประกันภัย 9,328 ล้านบาท ลดลง 3% ธุรกิจการเงิน 4,260 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 11% และ ธุรกิจอื่นๆ 855 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 135% และมีกำไรอยู่ที่ 739 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 168% เมื่อเปรียบเทียบกับปี 2562 ที่มีกำไร 276 ล้านบาท
สำหรับเป้าหมายการขยายตลาด นายฐากร กล่าวว่า กลุ่มธุรกิจประกันภัยและประกันชีวิต จะมุ่งสร้างผลิตภัณฑ์ที่แตกต่างโดยใช้ดิจิทัลและดาต้าขยายฐานลูกค้าใหม่จากปัจจุบันที่มีลูกค้าอยู่ประมาณ 4 ล้านราย ตลอดจนสร้างการรับรู้ของแบรนด์อาคเนย์ประกันภัย อาคเนย์ประกันชีวิต ผ่าน Winning Product และการดูแลลูกค้าให้ใช้ชีวิตอย่างมีความสุข ไร้ความกังวลใจ ขณะที่ธุรกิจการเงินจะเน้นสร้างประสิทธิภาพ ลดต้นทุน สร้างกำไร พร้อมวางโครงสร้างพื้นฐานและหาพันธมิตรทางธุรกิจที่ดี โดยมั่นใจว่าจะช่วยเพิ่มส่วนแบ่งทางการตลาดของธุรกิจในภาพรวมให้ติดอันดับ 1 ใน 5 ของตลาด เพื่อก้าวสู่การเป็นผู้นำธุรกิจการเงินในประเทศไทยและขยายการให้บริการไปยังภูมิภาคอาเซียนภายในปี 2568
โดยในส่วนของ อาคเนย์ประกันชีวิต บริษัทมีเบี้ยประกันรับรวม 8,345 ล้านบาท ลดลง 3% มีเบี้ยประกันชีวิตรับรายใหม่ 5,020 ล้านบาท ลดลง 8% และมีความคงอยู่ของกรมธรรม์ที่ 96% ส่วนอาคเนย์ประกันภัย มีเบี้ยประกันภัยรับตรง 10,556 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 3% มีส่วนแบ่งทางการตลาดอยู่ที่ 4.1% ทางด้าน ไทยประกันภัย มีเบี้ยประกันภัยรับตรง 1,321 ล้านบาท ลดลง 45% และมีสัดส่วนเบี้ยออนไลน์ 332 ล้านบาท และ อาคเนย์แคปปิตอล มีจำนวนรถเช่า 22,100 คันน แบ่งเป็น ลูกค้าภาครัฐ 50% กลุ่มลูกค้านอกทีซีซี 30% และกลุ่มลูกค้าทีซีซี 20%
