ดัชนีตลาดหุ้นไทย (16 มี.ค 64) ปิดที่ระดับ 1,564.03 จุด ลดลง 1.70 จุด หรือ 0.11% มูลค่าการซื้อขาย 8.83 หมื่นล้านบาท โดยมีแรงขายจากนักลงทุนต่างชาติและบัญชีบริษัทหลักทรัพย์ในช่วงบ่าย หลังจากที่ช่วงเช้ามีปรับตัวขึ้นจากการที่นายกรัฐมนตรี และคณะรัฐมนตรีสร้างความมั่นใจให้กับประชาชนด้วยการรับการฉีดวัคซีนเป็นที่เรียบร้อยแล้ว แต่ก็ไม่สามารถทำให้ตลาดยืนบนแดนบวกได้ตลอดทั้งวัน

ด้านหอการค้าไทย ย้ำทางออกประเทศต้องบริหารวัคซีนให้ชัดเจน ดึงเอกชนร่วมวางแผนกระจายวัคซีน เตรียมรับการฟื้นตัวเศรษฐกิจ
นายกลินท์ สารสิน ประธานกรรมการหอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า ผลกระทบทางเศรษฐกิจที่เกิดจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ยังเป็นสิ่งที่ต้องจับตามองอย่างใกล้ชิดและยังมีความท้าทายอีกหลายอย่างที่ประเทศไทยต้องเผชิญในปี 2564 นี้
“หลายประเทศทั่วโลกมีการฉีดวัคซีนกันไปมากพอสมควรซึ่งถือเป็นผลดีกับการฟื้นตัวของเศรษกิจโลก ขณะเดียวกันประเทศไทยจำเป็นต้องมีแผนการเปิดประเทศที่ชัดเจน เพื่อรองรับการกลับมาของเศรษฐกิจจึงฝากการบ้านไปถึงทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องว่า เศรษฐกิจโลกกำลังจะฟื้นแล้ว ประเทศไทยเตรียมพร้อมรับการฟื้นตัวดังกล่าวได้ทันหรือไม่” นายกลินท์ กล่าว
ทั้งนี้ความสำคัญเร่งด่วนในขณะนี้ คือ แผนบริหารจัดการวัคซีนที่ชัดเจน โดยหอการค้าไทยเสนอ 4 แนวทางสำหรับเรื่องดังกล่าว ได้แก่ (1.) การกระจายวัคซีนอย่างทั่วถึงโดยในภาคธุรกิจนั้นกลุ่มที่มีความเสี่ยงในธุรกิจบริการที่ต้องมีการติดต่อทั้งกับคนไทยและคนต่างชาติควรได้รับการฉีดเป็นลำดับต้นๆ, (2.) รัฐต้องมีแผนกระจายวัคซีนที่ชัดเจนเพื่อให้เอกชนสามารถบริหารจัดการธุรกิจให้สอดคล้องกับแผนการกระจายวัคซีนได้อย่างมีประสิทธิภาพ
(3.) เร่งฉีดอย่างรวดเร็วซึ่งเอกชนสามารถร่วมทำแผนการกระจายวัคซีน เพื่อให้เข้าถึงประชาชนอย่างรวดเร็วและบริษัทที่มีกำลังก็ยินดีจ่ายค่าวัคซีนให้พนักงานเอง ทั้งนี้ตามที่รัฐบาลอยู่ระหว่างจัดหาและกระจายการฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19ให้แก่ประชาชนและสนับสนุนให้ภาคเอกชนจัดหาวัคซีนเพื่อฉีดให้แก่พนักงานของตนเองโดยสถานพยาบาลของรัฐหรือโรงพยาบาลเอกชนนั้น หอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย ได้ทำการสำรวจความต้องการของสถานประกอบการซึ่งขณะนี้รวมได้ประมาณ 750,000 คน และคาดว่าทั้งหมดประมาณ 1 ล้านคนน้ำ โดยจะนำปริมาณความต้องการนี้ ไปหารือกับภาครัฐในการจัดหาวัคซีน เพื่อเตรียมความพร้อมสำหรับการเปิดประเทศปลอดภัยต่อไป
และ (4.) การสื่อสารสร้างความมั่นใจ โดยทุกฝ่ายต้องช่วยกันสื่อสารชี้แจงถึงความปลอดภัยของวัคซีน ซึ่งจะเป็นแนวทางในการฟื้นฟูเศรษฐกิจของไทยให้เร็วยิ่งขึ้น
นายกลินทร์ กล่าวว่า การทำงานร่วมกับภาครัฐถือเป็นสิ่งที่สำคัญอย่างมากในการพลิกฟื้นเศรษฐกิจซึ่งหอการค้าไทยได้เข้าไปร่วมอยู่ในคณะกรรมการชุดต่างๆ ของภาครัฐเพื่อผลักดันแนวทางการปฏิรูปเศรษฐกิจให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุดเช่น เรื่อง Vaccine Passport สำหรับชาวต่างชาติที่จะเดินทางเข้ามาในประเทศไทย
การวางแผนรองรับการเปิดประเทศ เรื่องการปรับปรุงกฎระเบียบต่าง ๆ ที่เป็นอุปสรรคต่อการดำเนินธุรกิจ (Ease of Doing Business) เรื่องการท่องเที่ยวคุณภาพสูง รวมไปถึงการประยุกต์ใช้ Happy Model หรือ โมเดลอารมณ์ดี มีความสุข (กินดี อยู่ดี ออกกำลังกายดี แบ่งปันสิ่งดี ๆ) ซึ่งได้นำเสนอต่อนายกรัฐมนตรีไปแล้ว สิ่งเหล่านี้จะมีการบูรณาการร่วมกันหลายหน่วยงาน เพื่อให้เกิดประโยชน์กับประเทศไทยมากที่สุด นอกจากนั้น ยังมีเรื่องเกษตรมูลค่าสูงที่จะต้องดําเนินการอย่างต่อเนื่อง ซึ่งทั้งการท่องเที่ยวคุณภาพสูงและเกษตรมูลค่าสูงจะเป็นจุดแข็งของประเทศที่จะช่วยลดความเหลื่อมล้ำและสร้างรายได้ที่ยั่งยืนต่อไป โดยหอการค้าไทยก็มีแนวทางในการส่งเสริมและช่วยเหลือผู้ประกอบการเอสเอ็มอีและเกษตรกรอย่างต่อเนื่อง
นอกจากนี้ สิ่งที่ยังต้องจับตามองในปีนี้ก็คือเรื่อง อากาศสะอาด และการบริหารจัดการน้ำโดยที่ผ่านมาหอการค้าไทยได้เสนอร่าง พ.ร.บ.อากาศสะอาดต่อรัฐสภาไปแล้ว ซึ่งรอการพิจารณาอยู่ ขณะที่เรื่องการบริหารจัดการน้ำในช่วงฤดูร้อนนี้ ก็เป็นสิ่งที่น่ากังวลมากพอสมควร ซึ่งจะต้องติดตามความคืบหน้ากันต่อไป
สิริวรรณ ลีลาประกอบชัย : ภาพ / เรื่อง

