ในส่วนการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจได้มีมาตรการช่วยเหลือเยียวยาผู้ที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 ส่งเสริมให้เกิดการจ้างงานใหม่ ซึ่งงาน JOB EXPO ที่จัดขึ้นได้รวบรวมงานทั้งในประเทศและต่างประเทศกว่า 1 ล้านอัตรา รวมทั้งการวางรากฐานการพัฒนาขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศในระยะยาว ตามทิศทางของยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี ด้วยโครงสร้างพื้นฐานระบบคมนาคมขนส่งและโลจิสติกส์ พัฒนาอุตสาหกรรมเป้าหมาย
สำหรับโครงการพัฒนาเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก หรือ EEC ที่ได้เริ่มมาตั้งแต่ปี 2560 เป็นเขตเศรษฐกิจพิเศษที่ตอบโจทย์การลงทุนของอุตสาหกรรมเป้าหมายแห่งอนาคต แม้ช่วงวิกฤติ COVID การลงทุนใน EEC ก็ยังอยู่ในระดับสูง ช่วง 8 เดือนที่ผ่านมา มีคำขอรับการส่งเสริมใน EEC จำนวน 277 โครงการ และมีมูลค่าเงินลงทุนกว่า 85,000 ล้านบาท โดยคิดเป็นสัดส่วนสูงถึงร้อยละ 54 ของคำขอรับการส่งเสริมการลงทุนทั้งประเทศ ทั้งนี้ โครงการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่ต่าง ๆ ใน EEC ทั้งโครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน โครงการเมืองการบินอู่ตะเภา โครงการขยายท่าเรือแหลมฉบังและมาบตาพุด รวมทั้งโครงการพัฒนาเขตนวัตกรรม EECi ที่จังหวัดระยอง ได้ผู้ชนะการประมูลครบถ้วนแล้ว
นายกรัฐมนตรี กล่าวให้ความมั่นใจว่ารัฐบาลเตรียมความพร้อมทั้งด้านโลจิสติกส์ ระบบรถไฟความเร็วสูง สาธารณูปโภค แหล่งน้ำเพื่อการบริโภคและอุตสาหกรรม รวมทั้งแรงงานฝีมือทั้งในและนอกระบบเพื่อตอบสนองการลงทุนของภาคเอกชน ซึ่งขอเชิญชวนให้เอกชนแสวงหาโอกาส หรือเพิ่มการลงทุนที่ก่อให้เกิดธุรกิจใหม่ ซึ่งรัฐบาลพร้อมนำข้อเสนอแนะจากภาคเอกชนทั้งการส่งเสริมนวัตกรรม จะเร่งรัดดำเนินการเพื่ออำนวยความสะดวกในการลงทุนและประกอบธุรกิจในไทย ซึ่งมั่นใจว่ารัฐบาลและนักลงทุนจะร่วมกันขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยให้มีความเข้มแข็งต่อไป
โดยก่อนหน้านั้น นายกรัฐมนตรี ประชุมแนวทางการเชื่อมโยงท่าเรือแหลมฉบังกับนานาชาติ ร่วมกับหัวหน้าหน่วยงานและองค์กรของไทย โดยย้ำการเดินหน้าตามแผนยุทธศาสตร์ชาติเพื่อให้ไทยเป็นศูนย์กลางเครือข่ายโลจิสติกส์ของภูมิภาคทั้งการขนส่งสินค้าและการสัญจร โดยที่ประชุมได้มีการรายงานแผนงานเชื่อมโยงท่าเรือแหลมฉบังกับนานาชาติ ทั้งโครงการท่าเรือบก (Dry Port) ที่จะช่วยบรรเทาปัญหาการจราจรทางถนน ลดความคับคั่งของท่าเรือ ด้วยการขนส่ง 2 ระบบ โดยเฉพาะทางราง โครงการเชื่อมโยงอ่าวไทย-อันดามัน หรือ Land Bridge ด้วยท่าเรือน้ำลึก 2 ฝั่งไทยเชื่อมด้วยถนน Motorway ราง และรถไฟ เพื่อประโยชน์ในการลดต้นทุนโลจิสติกส์ การขนส่งของประเทศและสามารถขยายศักยถาพเชื่อมมหาสมุทรอินเดียและเอเชียใต้ และโครงการสะพานไทย ซึ่งหลักการสำคัญที่นายกรัฐมนตรีได้กำชับในการศึกษาทั้ง 3 โครงการนั้น ต้องสร้างความเชื่อมโยง ให้เห็นความคุ้มค่าในการลงทุน และเกิดผลประโยชน์เชิงเศรษฐกิจระหว่างทางด้วย โดยใช้รูปแบบการลงทุนแบบ PPP เพื่อประหยัดงบประมาณเพื่อนำเงินไปช่วยเหลือประชาชน โดยนายกรัฐมนตรีกำชับว่า การดำเนินการทุกอย่างโปร่งใส ไม่ให้เกิดผลประโยชน์ทับซ้อน โดยยึดประโยชน์ของประเทศและประชาชนเป็นสำคัญ ทุกหน่วยงานต้องเร่งทำงาน ใช้ช่วงโควิด-19 เตรียมพร้อมประเทศ เสริมความได้เปรียบทางเศรษฐกิจ เพื่อให้ไทยเป็นประเทศแรก ๆ ที่สามารถเปิดรับเศรษฐกิจหลังวิกฤตโควิด-19 ผ่านได้ทันที