นายปรเมศวร์ อินทรชุมนุม รองอธิบดีอัยการ สำนักงานชี้ขาดคดีอัยการสูงสุด ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว ‘ปรเมศวร์ อินทรชุมนุม‘ แสดงความคิดเห็นถึงคดีล่าสัตว์ทุ่งใหญ่ ของนายเปรมชัย กรรณสูต ประธานบริหารอิตาเลียนไทย และพวกรวม 4 คน ว่า เหตุที่ต้องถามว่า “ท่านมีอำนาจสอบสวนหรือไม่” ก็เพราะว่า การสอบสวนจึงเป็นเงื่อนไขสำคัญที่ทำให้ “พนักงานอัยการ” มีอำนาจในการฟ้องคดีอาญา ซึ่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญาได้กำหนดหลักเกณฑ์สำคัญเกี่ยวกับการสอบสวนความผิดที่ได้กระทำลงในราชอาณาจักรไว้ในมาตรา 2 (6) และมาตรา 18 กับมาตรา 19 โดยมีสาระสำคัญว่า การสอบสวนต้องกระทำโดยเจ้าพนักงานซึ่งกฎหมายกำหนดให้มีอำนาจและหน้าที่ทำการสอบสวน ทั้งการสอบสวนต้องกระทำโดยพนักงานสอบสวนที่มีเขตอำนาจ หากผู้สอบสวนมิใช่ “พนักงานสอบสวนผู้มีอำนาจ” แล้วต้องถือว่า เป็นการสอบสวนที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย ซึ่งถือเท่ากับว่าไม่มีการสอบสวนในความผิดนั้นมาก่อน อันมีผลทำให้พนักงานอัยการไม่มีอำนาจฟ้อง
นายปรเมศวร์ กล่าวด้วยว่า ที่ผ่านมามีคำพิพากษาฎีกาในเรื่องนี้ไว้มากมาย เช่น คดีบุกรุกป่าไม้ของ สภ.อ.ไทยเจริญกับ สภ.อ.เลิกนกทา หรือคดีพรากผู้เยาว์และล่วงละเมิดทางเพศของ สภ.อ.ท่ามะกา กับ สน.บางพลัด หรือคดียาเสพติดของ สน.ท่าข้าม กับ สน.แสมดำ ดูซิครับ ศาลพิพากษายกฟ้องเพราะการสอบสวนที่กระทำโดย “พนักงานสอบสวน” ที่ไม่มีอำนาจ สำหรับคนที่ทำงานด้านการสอบสวนหรือจะสอบเนติฯ สัปดาห์หน้า ลองศึกษาเพิ่มเติมจากคำพิพากษาศาลฎีกาที่ 771/2531, 6142/2548, 12934/2553, 4337/2554, 11585/2557 เพิ่มเติมดูด้วยนะครับ ที่ผมถามนั้นก็เพียงการการเตือนกันครับ การทำงานด้านกฎหมายต้องรู้กฎหมายจริงๆ ยิ่งทำคดีที่ผู้ต้องหาที่เงินมาก มีอำนาจ
“เชื่อเถอะทีมทนายเขาก็ต้องเก่งประมาทไม่ได้ เพราะ “อัยการ” มีหน้าที่รับผิดฟ้องให้คนผิดต้องได้รับโทษ หากปรากฏว่าการสอบสวนไม่ชอบ ศาลก็จะไม่พิจารณาข้อเท็จจริงว่าเขากระทำการอันเป็นความผิดหรือไม่ ถ้าตกม้าตายเพราะเรื่องนี้ใครจะรับผิดชอบ อย่าบอกว่า “คนละหน่วยงาน ไม่ก้าวก่ายกัน” คิดอย่างนี้มันคับแคบต่อการอำนวยคามยุติธรรมของประเทศเกินไปครับ” นายปรเมศวร์ กล่าว