อย่างไรก็ตาม รัฐบาลได้มีการปฏิรูปการศึกษา ซึ่งทราบดีเราได้มีการพัฒนา แต่สำคัญที่สุดอยู่ที่ผู้บริหารทางการศึกษา ครู ทุกคนจะทำอย่างไรให้เด็กไปสู่อนาคตที่ดีกว่าเดิม ดังนั้นสิ่งเหล่านี้ต้องมีการประเมิน วัดผลใหม่ทั้งหมด ที่จะช่วยกันดูแลทุกอย่างให้เคลื่อนที่ไปข้างหน้าโดยเร็ว ซึ่งการศึกษาเป็นเครื่องมือสำคัญในการสร้างชาติ
“ประยุทธ์” ย้ำเป็นนายกฯไม่เคยทำเพื่อประโยชน์ตนเอง
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวว่า ตนเป็นนายกรัฐมนตรี และคิดอย่างนี้มาตลอด ไม่เคยคิดเป็นอื่น ไม่เคยคิดนอกกรอบ ที่จะมานั่งเพื่อประโยชน์ตัวเองไม่เคยคิดแบบนั้นเลย ทุกคนที่เป็นรัฐบาลจะไม่ปล่อยให้มีการกระทำเช่นนั้น ทั้งนี้ เป็นที่ทราบกันดีอยู่แล้วว่ารัฐบาลจำเป็นต้องแก้ไขปัญหาหลายอย่างโดยเฉพาะแก้ปัญหาโควิด-19 เราต้องแก้ปัญหาโควิด-19ไปด้วยกัน ปราศจากความขัดแย้ง ไม่ว่าเรื่องอะไรต่างๆ ก็ตามที่ไม่จำเป็นมากนักในขณะนี้ วันนี้เราต้องเดินหน้าให้ทุกคนปลอดภัย สุขภาพดี เข้าถึงโอกาส เพื่อพัฒนาประเทศชาติไปสู่ประเทศที่มีรายได้สูงให้เร็วที่สุด เพราะเราเป็นประเทศที่มีรายได้ปานกลางมานานแล้ว และแม้ว่าประเทศไทยจะมีคนหลายเผ่าพันธุ์ หลายเชื้อชาติ แต่วันนี้ถือเป็นคนไทยทั้งหมดแล้วเพราะอยู่ในแผ่นดินไทย โอกาสทุกคนมีเท่าเทียมกันอยู่ที่ว่าจะใช้ประโยชน์เหล่านี้ทำอะไรเพื่อตัวเอง และประเทศชาติ ถ้าประเทศเข้มแข็งระบบต่างๆ แข็งแรงมีเสถียรภาพ โอกาสก็มารวมถึงโอกาสในการพัฒนาก็มี โอกาสที่ทุกคนจะเข้าถึงในสิ่งที่รัฐบาลทำก็มีหมด นี่คือความแตกต่างของไทยกับประเทศอื่นที่มีประวัติศาสตร์ยาวนานเช่นกัน ซึ่งเราไม่เคยสูญเสียมากมายเช่นในสงครามโลก สงครามความขัดแย้งในภูมิภาคต่างๆ เราไม่เคยเป็นแบบนั้น และเราต้องไม่นำประเทศไปสู่ตรงจุดนั้น อยากฝากทุกคนไว้ เราต้องหาสิ่งที่เหมาะสมกับบริบทบ้านเรา ถ้ารื้อทั้งหมดเท่ากับเราทำลายสิ่งที่เราสร้างกันไว้ แล้วจะไปข้างหน้าได้อย่างไร เราต้องสร้างความเชื่อมั่นของคนภายในประเทศและต่างประเทศให้เห็นศักยภาพของเรา
นายกฯ ย้ำ ยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปีเป็นเพียงกรอบการทำงาน
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวว่า บ้านเราต้องมีขั้นตอนการบริหารในการพัฒนาประเทศ ถึงได้มียุทธศาสตร์ชาติ 20 ปีแต่ไม่ได้หมายความว่า นายกฯ จะอยู่ 20 ปี เป็นเพียงกรอบการทำงาน นี่คือการเดินให้ตรงทางไม่เดินเลี้ยวลดไปมากนัก ต้องย้อนกลับไปคิดดู เหมือนย้อนดู เรียนรู้ประวัติศาสตร์ ศีลธรรม ตรงนี้เป็นสิ่งสำคัญ ทุกศาสนาสอนให้ทุกคนปรองดอง รักสามัคคี ยึดมั่นในแนวทาง ซึ่งเราอยู่ด้วยความสงบมายาวนาน
พร้อมกล่าวว่า เรื่องโควิด-19 เราประมาทไม่ได้ต้องป้องกันการระบาดจากต่างประเทศซึ่งวันนี้มีเยอะขึ้น รัฐบาลพยายามเต็มที่ จนได้รับความเชื่อมั่นเป็นอันดับต้นๆ ของโลก นั้นคือสิ่งที่เราอาจลืมไปแล้ว เราไปมุ่งความขัดแย้งอื่นๆ เยอะเกินไปในขณะ สิ่งที่เราทำได้ดีมันเป็นศักยภาพของเราทั้งสิ้น เราเปลี่ยนตัวเองมากนักไม่ได้ เป็นคนดีคนเก่ง มีงานทำ เคารพกฎหมาย เคารพสถาบัน และทำเพื่อชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ และประชาชน แค่นี้ก็จบแล้ว มันเป็นอย่างอื่นไปไม่ได้ ซึ่งการเรียนนอกห้องเรียนมีเยอะแยะ บางทีการศึกษา บางทีไปเรียนรู้ในที่ชุมนุม ร้านค้า เวทีต่างๆ ของประชาชน คุยกันให้มันสร้างสรรค์ ไม่ใช่คุยกันต้องขัดแย้ง ต้องทำลาย ตนไม่ใช่ มันทำให้เสียโอกาส เสียเวลา
นายกรัฐมนตรี ยังกล่าวกับผู้ร่วมสัมมนาตอนท้ายว่า “พวกเราทุกคนในห้องสัญญากับผมได้ไหม เราจะทำให้ประเทศชาติของเราให้ดีขึ้นโดยสงบและปลอดภัย จะร่วมมือกับผมไหมครับ” จากนั้นผู้เข้าร่วมสัมมนาในห้องได้ปรบมือให้กับนายกฯเป็นการให้สัญญา ซึ่งนายกฯ ได้กล่าวขอบคุณพร้อมกล่าวว่า ขอบคุณนะ ทำให้ตนมีกำลังใจในการทำงานต่อไป โดยยืนยันว่า ไม่ได้มีจิตปรารถนาเป็นอย่างอื่นเลย ถ้าทำต้องทำให้ดีที่สุด ด้วยความรักประชาชน รักประเทศชาติของเราไปด้วยกัน หลักการของรัฐบาลคือรวมไทยสร้างชาติ
จากนั้น นายกรัฐมนตรี ยังได้เดินทักทายผู้เข้าร่วมสัมมนาและได้ร่วมชมการแสดงวงสะล้อ ซอซึง ที่เล่นเพลงหมู่เฮาชาวเหนือ ซึ่งนายกฯได้เข้าไปร่วมเล่นเครื่องดนตรีตีกลองฉิ่งหรือแทมโบรีนไม้กับนักเรียนอย่างอารมณ์ดี