ขณะเดียวกัน นายวิรัช กล่าวอีกว่า รัฐธรรมนูญปี 2540 และ 2550 ก็ยังมีข้อบกพร่อง ส่วนรัฐธรรมนูญปี 2560 หลายพรรคการเมืองชูประเด็นตอนหาเสียงเลือกตั้งว่า จะแก้ไขรัฐธรรมนูญ แต่พรรคพลังประชารัฐไม่มีนโยบายแก้ไขเรื่องนี้ แต่เมื่อมีการจัดตั้งรัฐบาล ก็ปรากฎเป็นนโยบายการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ซึ่งขณะนี้ก็มีกลุ่มภาคประชาชน ทั้งคณะประชาชนปลดแอก หรือกลุ่มไทยภักดี กำลังเคลื่อนไหว ดังนั้นไม่ว่าจะแก้ไขมากหรือน้อย ก็ต้องเกิดปัญหาความขัดแย้ง ซึ่งตนเองอยากเห็นบ้านเมืองสงบ ไม่แบ่งแยก โดยในญัตติพรรคร่วมรัฐบาลมีเจตนารมณ์แก้ในมาตราที่เป็นปัญหา แต่ยืนยันไม่แก้หมวด 1 บททั่วไป และหมวด 2 พระมหากษัตริย์ ซึ่งทุกคนมีความเห็นตรงกัน รวมถึงญัตติของผู้นำฝ่ายค้าน และเห็นร่วมกันว่าควรแก้ไขมาตรา 256 แต่ถ้าจะแก้ไขได้ จะต้องอาศัยเสียงวุฒิสภาไม่น้อยกว่า 1 ใน 3 ร่วมลงมติเห็นชอบแก้ไขรัฐธรรมนูญด้วย และขอให้สมาชิกโหวตลงมติรับหลักการญัตติพรรคร่วมรัฐบาล พร้อมขอให้ร่วมกันพิจารณาเพื่อหาทางออกให้กับประเทศ จึงขอขอบคุณสมาชิกที่ร่วมลงชื่อสนับสนุนญัตติ และหวังว่าจะได้มติจากวุฒิสภา

