นายปิยบุตร แสงกนกกุล กล่าวถึงกรณีคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.)มีมติว่าเงินกู้ของพรรคการเมือง 31 พรรค ไม่ผิดกฎหมาย ยกเว้นพรรคอนาคตใหม่ ว่า จนถึงตอนนี้ตนยืนยันว่าไม่เห็นด้วยกับคำวินิจฉัยของ กกต.เพราะภายใต้ระบบกฎหมาย พรรคการเมืองซึ่งมีสถานะเป็นนิติบุคคล การจะห้ามกระทำการใดๆต้องมีกฎหมายบัญญัติไว้ แต่คำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญกลับตีความเป็นอีกแบบ โดยให้เหตุผลว่า แม้ไม่มีกฎหมายห้าม แต่ไม่มีกฎหมายอนุญาตให้พรรคการเมืองกู้เงิน เช่นเดียวกับเรื่องดอกเบี้ยที่ศาลฯมองว่าผิดวิสัย ซึ่งตามจริงเป็นข้อตกลงระหว่างผู้ทำสัญญา แต่ศาลฯวินิจฉัยโดยใช้สองประเด็นนี้นำไปสู่การยุบอดีตพรรคอนาคตใหม่ ดังนั้นตนเห็นว่าพรรคการเมืองไม่ผิดแต่ควรจะวินิจฉัยให้พรรคทั้ง31พรรค รวมอดีตพรรคอนาคตใหม่ไม่มีความผิดทั้งหมด มิเช่นนั้นต้องแก้กฎหมายระบุชัดเจนว่าไม่อนุญาตให้พรรคการเมืองกู้เงิน หรือถ้าอนุญาตต้องกำหนดวงเงินให้ชัดเจน ไม่ใช่คลุมเครือแล้วให้มหันตโทษกับอดีตพรรคอนาคตใหม่ เพราะจะทำให้เกิดคำถามต่อบรรทัดฐานการปฏิบัติหน้าที่ของ กตต. เช่นเดียวกับที่ถูกตั้งคำถามในหลายกรณีมาโดยตลอดนับตั้งแต่การเลือกตั้งครั้งล่าสุด
ทั้งนี้ นายปิยบุตร ยังให้ความเห็นถึงการร้องเรียนในประเด็นต่างๆว่าทำให้ ส.ส.ทำงานได้ไม่เต็มที่ การร้องเรียนกลายเป็นอาวุธที่จ้องทำลายล้างกัน แม้ความโปร่งใสจะเป็นเรื่องสำคัญ แต่เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงก่อนรัฐประหารปี 2557 ประเด็นการร้องเรียนน้อยกว่าปัจจุบันอย่างเห็นได้ชัด จนทำให้ ส.ส. อาจต้องพะวักพะวน เกรงจะโดนฟ้องร้องและทำงานได้ไม่สะดวกราบรื่น ความสร้างสรรค์ก็ไม่เกิดขึ้น
ส่วนกรณีการชุมนุมเมื่อวันที่ 19-20 กันยายน ที่ผ่านมา ที่แกนนำค่อยๆโดนดำเนินคดี ส่วนตัวมองว่าบนหลักการประชาธิปไตยเสรีภาพเป็นเรื่องสำคัญ จึงไม่ควรใช้กฎหมายเป็นเครื่องมือจำกัดกรอบเสรีภาพ เห็นได้จากคดีการเมืองตั้งแต่ช่วง คสช. จนถึงตอนนี้มีการยกฟ้องไปหลายคดี ตนจึงอยากถามกลับไปยังผู้ตั้งข้อหาว่ารับผิดชอบอะไรบ้าง
