หน้าแรกการเมือง"โฆษก ตร." แถลงเตรียมจัดหนักม๊อบปลดแอก กางกฏหมาย เอาผิดทุกมาตรา จ่อยื่นคำร้องต่อศาล

“โฆษก ตร.” แถลงเตรียมจัดหนักม๊อบปลดแอก กางกฏหมาย เอาผิดทุกมาตรา จ่อยื่นคำร้องต่อศาล

เมื่อเวลา 15.30 น. วันที่ 21 กันยายน ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ(ตร.) พล.ต.ท.ปิยะ อุทาโย ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ในฐานะโฆษก ตร. แถลงถึงการชุมนุมของกลุ่มแนวร่วมธรรมศาสตร์และการชุมนุม เมื่อวันที่ 19-20กันยายน ว่า สำนักงานตำรวจแห่งชาติยืนยันดำเนินคดีกับผู้ชุมนุมและผู้ให้การสนับสนุนอยู่เบื้องหลัง ทุกข้อหา ไม่ละเว้น โดยเฉพาะการกระทำที่ไม่บังควร การปราศรัยที่หมิ่นเหม่ ไม่เหมาะสม กระทบต่อความรู้สึกของคนไทย เบื้องต้นมีผู้ปราศรัยเข้าข่ายความผิดนี้ 3-4 ราย และมีข้อมูลว่ามีผู้สนับสนุนด้วย ซึ่งปรากฏข้อมูลชัดเจนในโซเชียลมีเดีย ก็ต้องดำเนินคดีทั้งนี้ หากหลักฐานไปถึง ครั้งนี้ยืนยันว่าตำรวจดำเนินคดีอย่างเด็ดขาด

“ตอนนี้มีประชาชนบางส่วนไปแจ้งความที่สน.ชนะสงครามแล้ว พนักงานสอบสวนกำลังรวบรวมพยานหลักฐานดำเนินคดีในทุกกรณี คนไทยทุกคนนั้นจงรักภักดีต่อสถานบันพระมหากษัตริย์ ซึ่งอยู่กับคนไทยมาช้านาน มีคุณูปการต่อการเจริญเติบโตของประเทศมาโดยตลอด ผมว่าในหลายกรณีที่แกนนำบางคน อาศัยโอกาสที่ไม่เหมาะสม ทำการล่วงละเมิดที่ไม่ถูกกฎหมาย เจ้าหน้าที่ตำรวจจะดำเนินการตามกฎหมายทุกกรณีไม่ละเว้น รวมถึงในโอกาสต้่อไปด้วย เรายืนยันว่า เราจะยึดมั่นการดูแลความสงบเมื่อชุมนุมตามกฎหมาย แต่เมื่อใดก็ตามที่ทำผิดกฎหมายกระทำการล่วงละเมิดสถาบันอันเป็นที่รักของคนไทย เป็นหน้าที่ของตำรวจทุกนายต้องพิทักษ์รักษา ดำเนินการอย่างถึงที่สุด”
พล.ต.ท.ปิยะ กล่าว

เมื่อถามว่าจะเอาผิดตามประมวลกฎหมาย อาญา มาตรา 112 หรือไม่ พล.ต.ท.ปิยะ กล่าวว่า ตนไม่ชี้ว่าเป็นกฎหมายข้อใด แต่ตำรวจจะดูอย่างละเอียด ใครที่ทำผิดกฎหมาย หากเข้าข่ายข้อกฎหมายใดก็ไม่ละเว้น ตำรวจมีหลักฐานทุกอย่างหมดแล้ว รวมทั้งกรณีที่ตำรวจภูธรภาค 1 ตรวจยึดเอกสารที่จะนำมาร่วมชุมนุมหากเข้าข่ายความผิดก็ต้องดำเนินคดี

สำหรับการยื่นเอกสารเปิดผนึก ถึงประธานองคมนตรี ผ่าน พล.ต.ท.ภัคพงศ์ พงษ์เภตรา ผบช.น.นั้น โฆษกตร.กล่าวว่า พล.ต.ท.ภัคพงศ์ รับเอกสารมา ในฐานะของผู้บัญชาการเหตุการณ์ในขณะนั้น และได้ดำเนินการตามกระบวนการ โดยส่งให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ขณะนี้ฝ่ายกฎหมายของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กำลังตรวจสอบเนื้อหา แล้วจะดำเนินการตามขั้นตอนต่อไป หากพบว่าเนื้อหาเข้าข่ายผิดกฎหมายก็ต้องดำเนินคดีด้วย

พล.ต.ท.ปิยะ กล่าวว่า พบชัดเจนว่า ผู้ชุมนุมเข้าข่ายผิดกฎหมาย พ.ร.บ.การชุมนุมสาธารณะ พ.ศ.2558 ชุมนุมโดยไม่ขออนุญาต ซึ่ง ผกก.สน.ชนะสงคราม ดำเนินคดีแล้ว นอกจากนี้ยังเข้าข่ายความผิดอื่นๆ ตามที่กรมศิลปากร กรุงเทพมหานคร และที่ประชาชนคนอื่นๆเข้าแจ้งความก็ต้องดำเนินคดีทั้งหมด เบื้องตนกลุ่มนี้มีอย่างน้อย 10 ราย

โฆษกตร. กล่าวว่า ต้องขอบคุณผู้ชุมนุมที่ โดยสงบ แต่ก็มีบางส่วน ที่ทำผิดกฎหมาย แกนนำหรือผู้ชุมนุมรายใดทำผิกซ้ำก็ต้องนำไปสู่กระบวนการเพิกถอนประกันต่อไป ทั้งนี้การชุมนุมต่อไปจากนี้ขอให้อยู่ในกรอบกฎหมาย ไม่อาศัยโอกาสทำสิ่งไม่เหมาะสม รวมถึงการนัดรวมตัวไปรัฐสภาในวันที่ 22ก.ย.ด้วย ทั้งนี้หากทำผิดอีกก็ต้องดำเนินคดีซ้ำ ถือเป็นต่างกรรมต่างวาระ

ขณะที่พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รองโฆษกตร.กล่าวว่า เรื่องหมุดคณะราษฎร ของผู้ชุมนุม ที่หายไปนั้น ยังไม่ทราบว่าใครเป็นคนถอดออกไป แต่ยอมรับว่าเป็นของกลางในคดี เป็นพยานหลักฐานที่พนักงานสอบสวนต้องเก็บไว้ อยู่ในการดูแลของพนักงานสอบสวน ขั้นตอนต่อไปต้องตรวจสอบ หากมีความผิดก็ออกหมายเรียก หมายจับผู้ที่ทำผิดต่อไป

สำหรับในส่วนของกองบัญชาการตำรวจนครบาล พลตำรวจตรีสุคุณ พรหมายน พร้อมด้วย พลตำรวจตรีปิยะ ต๊ะวิชัย , พลตำรวจตรีจิรพัฒน์ ภูมิจิตร รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล , พลตำรวจโทโสภณ พิสุทธิวงษ์ รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร และนายสถาพร เที่ยงธรรม ผู้อำนวยการกองโบราณคดี กรมศิลปากร ร่วมกันแถลงข่าวกรณีที่มีเจ้าหน้าที่ถอนหมุดที่ใช้ชื่อว่า “คณะราษฎร์ 2” ที่กลุ่มผู้ชุมนุมจัดกิจกรรมฝังไว้ที่สนามหลวง เมื่อช่วงเช้าวานนี้ว่า หลังจากที่ตัวแทนกรุงเทพมหานคร และกรมศิลปากร เข้าแจ้งความร้องทุกข์ดำเนินคดีกับผู้จัดให้มีการชุมนุมในความผิดต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง เช่น ฐานทำให้เสียทรัพย์ , ความผิดตาม พ.ร.บ.โบราณสถาน เมื่อเช้ามืดที่ผ่านมาพนักงานสอบสวน สน.ชนะสงคราม พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง และกองพิสูจน์หลักฐาน จึงร่วมกันเข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุเพื่อสำรวจความเสียหายที่เกิดขึ้นจากการชุมนุม และพบหมุดทองเหลืองดังกล่าวปักไว้บนพื้นซีเมนท์ จึงทำการอายัดไว้และส่งมอบให้เจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐานนำไปตรวจสอบ เพื่อนำไปประกอบการดำเนินคดีตามที่มีการแจ้งข้อกล่าวหา

พลตำรวจโทโสภณ กล่าวหา จากการสำรวจความเสียหายเบื้องต้น พบแผงเหล็ก 7 แผง , แม่กุญแจที่ใช้คล้องระหว่างแผงเหล็ก 92 อัน รวมถึงจุดที่มีการเจาะพื้นเพื่อวางหมุดดังกล่าวได้รับความเสียหาย จึงให้ผู้อำนวยการเขตพระนครในฐานะผู้รับผิดชอบพื้นที่ เป็นตัวแทนเข้าแจ้งความดำเนินคดี ส่วนความเสียหายอื่นๆ เช่น ต้นไม้ , สนามหญ้า ยังอยู่ระหว่างการตรวจสอบประเมินว่ามีความเสียหายมากน้อยเพียงใด แต่มองว่าความเสียหายดังกล่าว คิดเป็นมูลค่าความเสียหายไม่มาก อย่างไรก็ตามปัจจุบันกรุงเทพมหานครได้กลับมาเปิดให้ประชาชนเข้าใช้บริการในพื้นที่สนามหลวงได้ตามปกติแล้ว

ขณะที่นายสถาพร ระบุว่า เหตุที่มีการร้องทุกข์ฐานทำให้โบราณสถานได้รับความเสียหาย เนื่องจากสนามหลวงเป็นสถานที่ทางประวัติศาสตร์ ที่มีการขึ้นทะเบียนเป็นโบราณสถานแล้ว และแม้ว่าพื้นที่ที่มีการวางหมุดคณะราษฎร์ 2 จะเป็นพื้นซีเมนท์ที่เพิ่งปรับภูมิทัศน์การใช้งานไปได้ไม่นานมานี้ แต่ก็ถือว่าอยู่ในบริเวณที่มีการขึ้นทะเบียนไว้ ดังนั้นหากจะมีการปรับปรุงพื้นที่ หรือขุดเจาะใดๆ ก็ตาม ต้องได้รับอนุญาตจากอธิบดีกรมศิลปากรก่อนจึงจะสามารถดำเนินการได้ และเมื่อกลุ่มผู้ชุมนุมไม่ได้ขออนุญาต จึงต้องดำเนินคดีในเรื่องนี้

ด้านพลตำรวจตรีสุคุณ ระบุว่า เรื่องการดำเนินคดีกับกลุ่มผู้ชุมนุม ขณะนี้พนักงานสอบสวนอยู่ระหว่างการตรวจสอบพยานหลักฐานที่รวบรวมได้ โดยเบื้องต้นพบผู้ที่เกี่ยวข้อง 16 คน ที่เกี่ยวข้องกับการจัดให้มีการชุมนุม , การโฆษณาชักชวนคนมาร่วมการชุมนุม และปราศรัยบนเวที เข้าข่ายความผิดฐาน ร่วมกันจัดให้มีการชุมนุมโดยไม่ได้รับอนุญาต ส่วนความผิดอื่นๆ ยังอยู่ระหว่างการพิจารณา ซึ่งคาดว่าเมื่อรวบรวมความผิดได้ชัดเจนในระดับหนึ่งแล้ว ก็จะเริ่มออกหมายเรียกให้ผู้กระทำผิดมารับทราบข้อกล่าวหาได้

ส่วนกรณีที่มีการบุกรุกเข้าไปภายในมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์ เบื้องต้นยังไม่พบมีการแจ้งความให้ดำเนินคดีกับกลุ่มผู้ชุมนุม ส่วนที่กลุ่มผู้ชุมนุมมีการตั้งข้อสังเกตว่าก่อนหน้านี้สนามหลวงก็เคยถูกใช้เป็นสถานที่จัดการชุมนุมมาก่อน ชี้แจงว่าจนถึงขณะนี้ตำรวจยังไม่มีการพิจารณาดำเนินคดีในข้อหาบุกรุกสถานที่แต่อย่างใด

RELATED ARTICLES
- Advertisment -spot_img
- Advertisment -spot_img
- Advertisment -spot_img