หลังจากนั้นคณะอนุกรรมการฯได้พิจารณาเห็นชอบโครงการขนาดใหญ่ งบประมาณ ปี 65 ได้แก่โครงการจัดหาน้ำดิบเพื่อผลิตน้ำประปา เทศบาล นครราชสีมา ,ระบบป้องกันน้ำท่วมชุมชนเมืองพัทยา ,สถานีสูบน้ำดิบพร้อมระบบท่อส่งน้ำ จ.ปัตตานี รวมถึงเห็นชอบโครงการของกรมชลประทานที่สำคัญ 2โครงการ ได้แก่อ่างเก็บน้ำ แม่ตาช้าง จ.เชียงราย และอ่างเก็บน้ำคลองโพล้ จ.ระยอง
โดยพล.อ.ประวิตร ได้กำชับให้คณะทำงานฯ เร่งจัดทำ Road Map โครงการผลิตน้ำจืดจากน้ำทะเล โดยตั้งเป้ากำลังผลิต 200,000 ลบ.ม.ต่อวัน ซึ่งจะสามารถสร้างความมั่นคง และลดความเสี่ยงการขาดแคลนน้ำพื้นที่EEC และการท่องเที่ยวได้ พร้อมทั้ง ขอให้ สทนช. และหน่วยงานที่รับผิดชอบโครงการต่างๆเร่งรัดการดำเนินงาน โดยคำนึงถึงความคุ้มค่าของงบประมาณ และประโยชน์ที่ประชาชนและเกษตรกร จะได้รับ มุ่งให้มีน้ำใช้อย่างเพียงพอ ทั่วถึง และครอบคลุมทุกพื้นที่
ทั้งนี้ นายสมเกียรติ ประจำวงษ์ เลขาธิการสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ กล่าวถึงผลการประชุม ว่า ที่ประชุมอนุมัติโครงการขนาดใหญ่ทั้งหมด 6 โครงการปรับปรุงน้ำปะปาที่ จ.โคราช วงเงิน 1.3 พันล้านบาท โดยเป็นการดึงน้ำจากเขื่อนลำตะคลองมาใช้ นอกจากนี้ยังมีการแก้ไขน้ำท่วมเมืองพัทยา วงเงิน 1.7 หมื่นล้านบาท ซึ่งเป็นการแก้ไขร่วมกันระหว่างกรมชลประทาน และกรมโยธาธิการและผังเมือง นอกจากนี้ ยังมีการอนุมัติมัติโครงการส่งระบบท่อปะปาจ. ปัตตานี วงเงิน 1.2 พันล้านบาท และอีก 3 โครงการเป็นโครงการของกรมชลประทาน ซึ่งมีการสั่งทบทวนโครงการผันน้ำประแส ซึ่งอาจเป็นภาระของประชาชนในเรื่องค่าน้ำที่อาจแพง
นอกจากนี้ ที่ประชุมยังมีการหารือถึงพายุโนอึล ว่า จะมีการประชุมหารือให้มีการตั้งศูนย์ในพื้นที่ติดตามพายุ โดยคาดการณ์ว่าจะส่งผลกระทบ ใน 24 จังหวัด ทั้งน้ำป่าไหลหลากและน้ำท่วมลำน้ำ โดยเฉพาะที่ จ.ร้อยเอ็ด จ.ยโสธร จ.อุบลราชธานี