ทัพเรือ ซึ่งในที่ประชุมได้มีการบันทึกเสียงและบันทึกชวเลข วันนี้จึงจะขอนายสุพล ฟองงาม ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐ ให้เปิดเผยบันทึกการประชุมว่าในการประชุมวันนั้นได้พูดคุยกันอย่างไรบ้าง ซึ่งไม่มีใครเห็นด้วยกับการซื้อเรือดำน้ำเลยจึงมีมติให้แขวนการซื้อเรือดำน้ำไว้ก่อน ซึ่งทางกองทัพเรือได้แจ้งมาว่าจะขอชี้แจงใหม่ โดยให้เหตุผลว่า 1.ได้มีการทำสัญญาระหว่างรัฐต่อรัฐ (จีทูจี) ไว้แล้ว ซึ่งผูกพันการซื้อเรือดำน้ำลำที่ 2 และ ลำที่ 3 หากไม่ซื้อจะส่งผลต่อความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ และผิดสัญญาจนอาจทำให้เกิดการฟ้องร้อง 2.มีการลงนามร่วมกันระหว่างพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กับ รัฐมนตรีว่าการกลาโหมของสาธารณรัฐประชาชนจีน ซึ่งการลงนามดังกล่าวเป็นการตกลงที่จะซื้อเรือลำที่ 2 และ 3 หลังจากนั้น ทางกรรมาธิการก็ได้ให้กองทัพเรือนำเอกสารรายละเอียดดังกล่าวมายื่น ซึ่งเมื่อตรวจสอบเอกสารแล้ว ตนเองเห็นว่าใน เอกสารฉบับที่ 1 ไม่ระบุว่าให้ซื้อเรือดำน้ำลำที่ 2 และ 3 แต่ระบุให้ซื้อเพียงลำเดียวคือ ลำที่ 1 ส่วนเอกสารฉบับที่ 2 ตนเองได้เอกสารมาแล้วอยู่ระหว่างการตรวจสอบและจะแฉว่าพลเอกประยุทธ์ได้ไปเซ็นต์อะไรไว้ ซึ่งเชื่อว่าเอกสารดังกล่าวไม่เกี่ยวกับเรื่องเรือดำน้ำ แต่ทางกองทัพเรืออ้างว่าเกี่ยวกับเรือดำน้ำ
ทั้งนี้ บริษัทจากประเทศจีนที่มาลงนามเอกสารจัดซื้อเรือดำน้ำลำแรกคือ บริษัท ไชน่า ชิปบิวดิ้ง แอนด์ ออฟชอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด ซึ่งบริษัทนี้ไม่ใช่รัฐวิสาหกิจ แม้จะอ้างว่าเป็นรัฐวิสาหกิจก็ตาม แต่ในคำพิพากษาศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงทางการเมือง ในคดีจำนำข้าว ได้พิพากษาแล้วว่า หากเป็นการจัดซื้อจีทูจี ก็เป็นเรื่องของรัฐบาลต่อรัฐบาลเท่านั้น ซึ่งตนเองจะไม่ให้การจัดซื้อเรือดำน้ำผ่
ทั้งนี้นายยุทธพงศ์ กล่าวก่อนเข้าห้องประชุมในคณะอนุกรรมาธิการฯ ถึงการลงมติในคณะอนุกรรมาธิการฯ ในการจัดซื้อเรือดำน้ำของกองทัพเรือ ที่มีมติออกมา5 ต่อ 4 ว่า ตนเชื่อว่าหากไม่มีใครล็อบบี้กรรมาธิการ ใครจะกลับคำในสิ่งที่ตนเองพูด มีเหตุผลอะไรที่ต้องไปยกมือให้กองทัพเรือซื้อเรือดำน้ำ หากมีบันทึกชวเลขออกมาก็จะรู้ว่ามีใครที่เห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วยและมีกลับคำพูดหรือไม่ โดยตนเองได้พูดคุยกับประธานเมื่อมีการลงมติและมีเสียงเสมอกัน 4 ต่อ 4 ว่าให้ประธานวางตัวเป็นกลางไม่ต้องลงคะแนนและให้ส่งเรื่องไปที่คณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2564 ซึ่งมองว่าเป็นทางออกที่ดีที่สุด แต่ประธานฯ ก็ได้มีเหตุผลจำเป็นและทำการโหวตให้จัดซื้อเรือดำน้ำอีกเสียงหนึ่งซึ่งถือเป็นเสียงตัดสิน
อย่างไรก็ตาม ก่อนประธานจะตัดสินใจโหวตได้พักการประชุม และมี ส.ส.มาบอกกับตนเองว่า ประธานคณะอนุฯ รับโทรศัพท์จาก นายพล ป. ขณะที่ทุกคนในห้องประชุมก็เห็นและรับรู้กันหมดว่ามีโทรศัพท์เข้ามาหาประธานคณะอนุฯ โดยเป็นการคุยที่ไม่ได้เปิดลำโพง

