วันที่ 6 สิงหาคม ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ(ตร.) มีรายงานว่า เมื่อวันที่ 31 กรกฎาคม ที่ผ่านมา พล.ต.อ.วิระชัย ทรงเมตตา อดีตรองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (รองผบ.ตร.) ยื่นหนังสือร้องทุกข์ต่อคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ(ก.ตร.) กรณีถูกสั่งสำรองราชการ ว่า การแต่งตั้งกรรมการสอบวินัยร้ายแรง และคำสั่งสำรองราชการดังกล่าวมิชอบด้วยกฎหมาย
โดยขั้นตอนหลังจากนี้ คณะอนุฯ ก.ตร.เกี่ยวกับการร้องทุกข์ ที่มีพล.ต.อ.สุชาติ ธีระสวัสดิ์ รองผบ.ตร.เป็นประธาน จะเป็นผู้พิจารณาคำร้องดังกล่าว โดยคณะอนุฯ ก.ตร.ชุดนี้จะมีการประชุมพิจารณาเรื่องร้องทุกข์ในทุกวันอังคาร ในสัปดาห์ที่ 3 ของเดือน ทั้งนี้ หากผลการพิจารณาเห็นว่าคำร้องทุกข์ฟังขึ้น ก็จะมีคำสั่งยกเลิกคำสั่งสำรองราชการ พล.ต.อ.วิระชัย แต่หากพิจารณาแล้วเห็นว่าคำสั่งรองราชการชอบด้วยกฎหมายแล้ว พล.ต.อ.วิระชัย ก็มีสิทธิยื่นฟ้องต่อศาลปกครองได้
แหล่งข่าวระดับสูง ระบุว่า คำสั่งสำรองราชการไม่ใช่การลงโทษทางวินัย แต่เป็นการดำเนินการระหว่างการพิจารณาโทษทางวินัย ผู้ได้รับผลกระทบจากคำสั่งสำรองราชการดังกล่าว จึงต้องร้องทุกข์ต่อ ก.ตร. ซึ่งโดยปกติ ก.ตร.ได้มอบอำนาจเด็ดขาดให้ อนุฯ ก.ตร.เกี่ยวกับการร้องทุกข์ พิจารณาเรื่องทุกข์ทุกเรื่อง ผลการพิจารณาออกมาอย่างไรก็เป็นไปตามนั้น เว้นแต่จะเป็นเรื่องสำคัญมาก อนุฯ ก.ตร.ร้องทุกข์ก็อาจทำความเห็นเพื่อให้ก.ตร.ชุดใหญ่พิจารณาอีกครั้ง
สำหรับกรณีดังกล่าว เมื่อวันที่ 29 กรกฎาคม ที่ผ่านมา พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร.มีคำสั่ง ตร.ที่ 387/2563 ให้สำรองราชการ พล.ต.อ.วิระชัย ใจความสรุปว่า ตามคำสั่ง ตร.ที่ 383/2563 ลงวันที่ 24 ก.ค.แต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวน พล.ต.อ.วิระชัย ทรงเมตตา รอง ผบ.ตร.ซึ่งถูกกล่าวหากระทำผิดวินัยอย่างร้ายแรง มีพฤติการณ์และการกระทำเข้าลักษณะมีเจตนาเปิดเผยความลับของทางราชการและฝ่าฝืนระเบียบคำสั่งว่าด้วยการให้ข่าวสัมภาษณ์ ก่อให้เกิดความเสียหายต่อภาพลักษณ์ของ ตร.อย่างร้ายแรง ประกอบกับ บก.ป. รับคำร้องทุกข์ในกรณีกล่าวโทษว่ามีการกระทำอันเป็นการทำผิดต่อรัฐ เข้าข่ายตามความผิด พ.ร.บ.การประกอบกิจการโทรคมนาคม พ.ศ.2544 และที่แก้ไขเพิ่มเติม ม. 74 และตามประกาศของคณะปฏิรูปการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขฉบับที่ 21 เรื่องการห้ามดักฟังทางโทรศัพท์และเครื่องมือสื่อสารอื่นใดนั้น
“เนื่องจากกรณีดังกล่าวเป็นเหตุในการสั่งสำรองราชการได้ตามนัยข้อ 3 (1) แห่งกฎ ก.ตร.ว่าด้วยการสั่งให้ข้าราชการตำรวจประจำ ตร. หรือส่วนราชการใด หรือสำรองราชการ ในส่วนราชการใด พ.ศ.2548 ดังนั้นเพื่อประโยชน์แห่งความเป็นธรรมในการดำเนินการทางวินัยและอาญา เพื่อประโยชน์ในการบริหารราชการในภาพรวมของ ตร. อาศัยอำนาจตามความใน ม. 61 (2) แห่ง พ.ร.บ.ตำรวจแห่งชาติ พ.ศ.2547 จึงให้ พล.ต.อ.วิระชัย ทรงเมตตา รอง ผบ.ตร. ตำแหน่งเลขที่ 0001 02101 0283 สำรองราชการ ตร. (อัตราเลขที่ สรส.1) ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป”คำสั่งดังกล่าว ระบุ
สำหรับชนวนเหตุให้ พล.ต.อ.วิระชัย ถูกตั้งกรรมการสอบสวนทางวินัยร้ายแรง จนถูกสำรองราชการครั้งนี้ เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 9 ม.ค.2563 ได้มีการแชร์คลิปเสียงสนทนาคล้ายเสียงของ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. กับ พล.ต.อ.วิระชัย ความยาว 3 นาที เนื้อหาเป็นการพูดคุยเกี่ยวกับคดียิงรถเก๋ง พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล ที่ปรึกษาพิเศษ สำนักนายกรัฐมนตรี ขณะจอดอยู่ในซอยสาริกา ถนนสุรวงศ์ แขวงสุริยวงศ์ เขตบางรัก กทม. เมื่อช่วงเวลาประมาณ 21.00 น. วันที่ 6 ม.ค.2563 ก่อนมีการวิพากษ์วิจารณ์ถึงความไม่เหมาะสมในการเผยแพร่คลิปเสียงดังกล่าว