วันที่ 3 ส.ค. 63 “นายสราวุธ เบญจกุล” เลขาธิการสำนักงานศาลยุติธรรม เปิดเผยความคืบหน้าการพัฒนาระบบฐานข้อมูลหมายจับเอวิส (AWIS) ระหว่างศาลและหน่วยงานในกระบวนการยุติธรรมว่า ขณะนี้ ในปี 2563 การบันทึกข้อมูลขอหมายจับลักษณะออนไลน์ ผ่านระบบ AWIS ศาลสามารถเชื่อมโยงระบบข้อมูลใช้ได้กับสถานีตำรวจทั่วประเทศแล้วทั้งในเขตนครบาลและตำรวจภูธร แบบ 100 % เช่นเดียวกับ กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) รวมทั้งการเชื่อมโยงกับระบบข้อมูลของสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง (ตม.) ทั้งนี้ สำหรับ ตม. นับตั้งแต่ทำ MOU เดือน พ.ย. 62 ระบบแจ้งข้อมูลผู้ถูกออกหมายจับไปยัง ตม. เพื่อทราบกรณีตรวจสอบบุคคลยังด่านต่าง ๆ ก็รวดเร็วขึ้น เพราะส่งข้อมูลแบบ REAL TIME ซึ่งเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของทั้ง 2 หน่วยงาน อย่างไรก็ดีสำหรับศาลยุติธรรม ที่ได้ใช้ระบบหมายจับออนไลน์ทั่วประเทศก็มีทั้งสิ้น 265 แห่ง
โดยสถิตินับตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค. 62 – 31 พ.ค. 63 มียื่นคำร้องผ่านระบบ 26,792 คำร้อง โดยมีหมายจับออกไปจำนวนทั้งสิ้น 60,146 หมายจับ ทั้งนี้ เลขาธิการสำนักงานศาลยุติธรรม ยังกล่าวถึงการเสริมอัตรากำลัง “เจ้าพนักงานตำรวจศาล” หรือคอร์ทมาแชล (Court Marshal) ที่ศาลได้จัดให้มีเจ้าพนักงานตำรวจศาลทั้งชาย-หญิงครั้งแรกเมื่อปี 2562 จำนวน 35 คนด้วยว่า ในส่วนของเจ้าพนักงานตำรวจศาลที่จะเพิ่มเติมชุดที่สอง ขณะนี้เราได้คัดเลือกบุคคลที่มีคุณสมบัติเหมาะสมมาแล้วประมาณ 226 คน โดยเข้าสู่การฝึกอบรมแล้วในวันที่ 24 ก.ค. ที่ผ่านมา ซึ่งขั้นตอนการอบรมนั้นจะเสร็จสิ้นช่วงเดือน ส.ค.63 นี้ เมื่อผ่านกระบวนการตามขั้นตอนครบถ้วนทั้งหมดเมื่อรวมจำนวนคอร์ทมาแชลทั้งชุดแรกและชุดที่สองแล้ว มีจำนวนทั้งสิ้น 261 คน ซึ่งสำนักงานศาลยุติธรรม จะดำเนินการจัดสรรกำลังเจ้าพนักงานตำรวจศาล กระจายประจำการยังศาลใน 77 จังหวัดทั่วประเทศ
โดยเจ้าพนักงานตำรวจศาล หรือ Court Marshal ภารกิจสำคัญประการหนึ่งถือเป็นส่วนเสริมที่ทำให้ระบบการใช้อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ กำไลข้อเท้า EM มาช่วยเรื่องปล่อยชั่วคราว มีความมั่นคงมากยิ่งขึ้นด้วย เพราะถ้าใครหลบหนีเราก็ติดตามทันทีจากเดิมที่กระบวนการติดตามไม่มีหน่วยงานที่เป็นเจ้าภาพ ก็กลายเป็นเจ้าพนักงานตำรวจศาลเป็นเจ้าภาพชัดเจนในการเริ่มกระบวนการ ส่งเสริมการบังคับใช้กฎหมายมีประสิทธิภาพเพิ่มมากขึ้น เพราะว่าถ้าหนีปั๊บเจ้าพนักงานตำรวจศาลก็ตามเลย อย่างไรก็ดีเกี่ยวกับมาตรการใช้อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ กำไลข้อเท้า EM มาช่วยเรื่องปล่อยชั่วคราว นับตั้งแต่ มี.ค. 61 – พ.ค. 63 เราใช้อุปกรณ์ไปทั้งหมด 14,601 คดี ซึ่งตรงนี้จะเป็นการคุ้มครองสิทธิเสรีภาพประชาชนตามนโยบายประธานศาลฎีกา ในส่วนที่ไม่มีเงิน ไม่มีหลักทรัพย์มาวางประกัน
ขณะที่ระบบมอนิเตอร์ติดตามสัญญาณอุปกรณ์ก็ออนไลน์ตลอด 24 ชั่วโมงดูว่ามีการออกนอกเขตพื้นที่หรือไม่ มีความพยายามหลบหนีหรือไม่ โดยทางสถิติ ณ เดือน ก.ค.63 พบว่ามีผู้ต้องหา/จำเลย หลบหนีระหว่างปล่อยชั่วคราวโดยใช้อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งศาลออกหมายจับ 494 ราย สามารถติดตามจับกุมได้ 312 ราย โดยอยู่ระหว่างการติดตาม 182 ราย อย่างไรก็ตามตลอดการใช้งานในอุปกรณ์ของศาล เราไม่มีข้อขัดข้อง ขณะที่เราก็ร่วมมือกับหน่วยงานอื่นด้วย เช่น กรมคุมประพฤติ หรือแม้กระทั่งตำรวจ ซึ่งเดิมเมื่อเริ่มต้นช่วงแรก ๆ มีชุดกำไลข้อเท้า EM ใช้ประมาณ 5,000 ชุด แต่หลายปีที่ผ่านมา
ได้ส่งเสริมและพัฒนาจนมีจำนวนที่ใช้กำไลข้อเท้า EM เพิ่มมากขึ้น