วันที่ 15 ก.ค.63 เวลา 10.30 น. : พล.ต.ท.สมพงษ์ ชิงดวง ผบช.สตม.พร้อมด้วย พล.ต.ต.สุรพงษ์ ชัยจันทร์ รอง ผบช.สตม.,พล.ต.ต.พิสิฐ ตันประเสริฐ รอง ผบช.สงป. ปฏิบัติราชการ สตม.,พล.ต.ต.อาชยน ไกรทอง ผบก.ตม 3.,พ.ต.อ.ทินกร รังมาตย์,พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รอง ผบก.ตม.3,พ.ต.อ.อาทิตย์ ยาแก้ว ผกก.ตม.จว.สระแก้ว และชุดสืบสวน ตม.จ.สระแก้ว ร่วมกันจับกุม นางเพชรรัตน์ อายุ 55 ปี สัญชาติไทย หรือ “เจ๊เพชร ปอยเปต” แก๊งขนคนเข้าออกประเทศโดยผิดกฎหมาย เย้ยเชื้อโควิด
ในข้อหา “เป็นบุคคลซึ่งเข้ามาหรือออกไปนอกราชอาณาจักรโดยไม่เข้าออกตามช่องทางด่านตรวจคนเข้าเมืองเขตท่าสถานีหรือท้องที่และตามกำหนดเวลา, ไม่ยื่นรายการตามแบบที่กำหนดในกฎกระทรวงและไม่ผ่านการตรวจหรืออนุญาตของพนักงานเจ้าหน้าที่ของด่านตรวจคนเข้าเมืองประจำเส้นทางนั้น” และ ฝ่าฝืนข้อกำหนด ตามมาตรา 9 แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548 (ฉบับที่ 1) ข้อ 3 (6) (ไม่ปฏิบัติตามข้อกำหนด)
โดยมีรายละเอียด ดังนี้ ตามที่สื่อมวลชนได้นำเสนอข่าวเกี่ยวกับ “เจ๊เพชร ปอยเปต” ผู้โพสในเฟซบุ๊คชื่อ “ถ้าไม่รู้จริง เจ๊เพชร ปอยเปต อย่าใส่ร้ายกู” โดยมีข้อความโฆษณาว่า “จะเข้าจะออก บอกเจ๊เพชร ไม่ต้องวิ่ง ไม่ต้องลุยน้ำ หรือลุยโคลน ทักเจ๊เพชร ปอยเปต ชัวร์ 100%” สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง จึงได้สั่งการให้ชุดสืบสวน ตม.จ.สระแก้ว ออกสืบสวนในพื้นที่
จนกระทั่งวานนี้ วันที่ 14 ก.ค.63 เวลา 17.00 น. ชุดสืบสวน ตม.จ.สระแก้ว ได้พบตัว เจ๊เพชรฯ ที่โรงแรมแห่งหนึ่งใน ต.อรัญประเทศ อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว เจ้าหน้าที่ชุดจับกุม จึงได้แสดงตัวเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจขอตรวจสอบ ผู้ถูกจับกุมได้แสดงหนังสือเดินทาง ระบุชื่อ นางเพชรรัตน์ อายุ 55 ปี จากการสอบถามผู้ถูกจับรับว่าตนเดินทางเข้ามาในราชอาณาจักรทางช่องทางธรรมชาติ โดยไม่ได้ปฏิบัติตามพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548 (ฉบับที่ 1) ข้อ 3 (6) นอกจากนี้ เจ้าหน้าที่ได้ตรวจสอบข้อมูลการเดินทางเข้าออกราชอาณาจักร ในระบบสารสนเทศตรวจคนเข้าเมือง พบว่าผู้ถูกจับมีข้อมูลเดินทางออกนอกราชอาณาจักร เมื่อวันที่ 13 มี.ค.63 เวลา 13.39 น. ทางจุดผ่านแดนถาวรบ้านคลองลึก และไม่พบข้อมูลเดินทางเข้าราชอาณาจักรแต่อย่างใด
นอกจากนี้ นางเพชรรัตน์ฯ ยังได้รับสารภาพว่าตนเป็นผู้โพสเฟซบุ๊ค โฆษณาว่าสามารถนำพาคนเข้า-ออก ประเทศได้ โดยไม่ต้องกักตัว 14 วัน และไม่ต้องผ่านการตรวจโรค เรียกเก็บค่าใช้จ่ายครั้งละ 4,000 บาท โดยผู้เดินทางต้องโอนค่ามัดจำเป็นค่ารถ จำนวน 500 บาท และจ่ายอีก 3,500 บาท เมื่อถึงปลายทาง โดยมี นายบองฯ ไม่ทราบชื่อ นามสกุล และสัญชาติที่แท้จริง และมีคนไทยบางกลุ่มร่วมขบวนการ ซึ่งเจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างรวบรวมพยานหลักฐาน เพื่อดำเนินคดีกับผู้ร่วมขบวนการทั้งหมดต่อไป
พล.ต.ท.สมพงษ์ฯ ขอฝากประชาสัมพันธ์ให้ทราบว่า สตม. มีมาตรการในการตรวจสอบ กวดขัน และปราบปรามการกระทำความผิดในด้านต่างๆ หากประชาชนท่านใดพบเห็นเบาะแสการกระทำความผิด กรุณาแจ้งมายัง สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง เลขที่ 507 ซ.สวนพลู แขวงทุ่งมหาเมฆ เขตสาทร กรุงเทพมหานคร 10120 หรือที่หมายเลขโทรศัพท์ 1178 หรือที่ www.immigration.go.th จักขอบพระคุณเป็นอย่างยิ่ง