พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ลุกขึ้นชี้แจงเพิ่มเติมจาก พล.อ.ชัยชาญ ช้างมงคล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม เกี่ยวกับการผูกพันงบประมาณข้ามปี ว่าตนได้ตรวจสอบทั้งงบประมาณแล้วว่าเป็นไปตามหลักเกณฑ์ทุกประการ ในส่วนของงบผูกพันข้ามปีที่สะสมมานั้นเนื่องจากว่าการจัดซื้อยุทโธปกรณ์ด้านต่างๆ ต้องใช้เวลาในการผลิต ในการผ่อนชำระ และก็มีราคาแพง วันนี้จึงจำเป็นต้องปรับยุทโธปกรณ์ของเรา ซึ่งอาจจะมองว่ามีเพียงพอหรือยัง จึงอยากจะชี้แจงว่าที่ผ่านมานั้นเราไม่ค่อยได้รับการสนับสนุนในเรื่องของการจัดซื้อยุทโธปกรณ์ใหม่ๆเลย ทำให้ยุทโธปกรณ์ในปัจจุบันมีของเก่าประมาณ 70–80% ดังนั้นส่วนที่จัดหาทดแทนคือเพื่อไม่ให้ไปเสียงบในส่วนของการซ่อมบำรุงที่นับวันจะไม่สามารถใช้งานได้ เพราะมีภารกิจในการป้องกันอธิปไตยตามแนวชายแดน ซึ่งอาจจะเกิดขึ้นหรือไม่เกิดขึ้นก็ได้ แต่ก็จำเป็นที่จะต้องมีการเตรียมความพร้อมไว้ในเรื่องของกำลังและยุทโธปกรณ์ และข้อสำคัญคือวันนี้เทคโนโลยีต่างๆ นั้นก้าวไกล ดังนั้นยุทโธปกรณ์ที่ไม่ทันสมัยก็อาจจะเป็นปัญหากับเราต่อไปในอนาคต อีกทั้งการจัดซื้อยุทโธปกรณ์นั้นต้องใช้เวลา ไม่ใช่ซื้อวันนี้แล้วจะได้ทันที เพราะต้องไปประกอบการผลิตใหม่ขึ้นมา ไม่ได้มีการสำรองไว้หน้าร้าน ส่วนการบรรจุข้าราชการทหารในปัจจุบัน มีเพียง 1 ใน 3 เท่านั้น บนหลักการที่ควรจะต้องมี เพราะเห็นถึงความสำคัญและการขาดแคลนงบประมาณของประเทศด้วย

ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ไทยยังมีพันธกิจที่สำคัญด้านความมั่นคงกับอนุภูมิภาค ภูมิภาค และโลก คือการสนับสนุนภารกิจขององค์การสหประชาชาติ จึงอยากให้ทุกคนช่วยกันดูแลว่าวันนี้สถานการณ์ความขัดแย้งเกิดขึ้นที่ไหน อย่างไรบ้าง แต่ทั้งนี้รัฐบาลก็เข้าใจถึงความห่วงใยของทุกคน ซึ่งตนในฐานะเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมและนายกรัฐมนตรีด้วย ก็พยายามจะทำให้ดีที่สุด เพียงแต่ขอความเข้าใจกันบ้าง และหลายๆ คนลูกหลานก็เป็นทหารทั้งสิ้น ดังนั้นคงต้องห่วงใยเขา หากเราไม่มียุทโธปกรณ์ที่ทันสมัย ไม่สามารถป้องกันตนเองได้ในขณะที่อาวุธต่างๆ มีความร้ายแรงมากขึ้นก็อาจจะทำให้เกิดความสูญเสียต่อลูกหลานทุกคนได้