หน้าแรกเศรษฐกิจ-การเงินกรุงศรีคาดเงินบาทซื้อขายในกรอบ 30.75-31.10 มองบาทมีแนวโน้มแข็งค่า แม้สินทรัพย์เสี่ยงผันผวนสูง

กรุงศรีคาดเงินบาทซื้อขายในกรอบ 30.75-31.10 มองบาทมีแนวโน้มแข็งค่า แม้สินทรัพย์เสี่ยงผันผวนสูง

ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) มีมุมมองต่อทิศทางค่าเงินบาทในสัปดาห์นี้ว่ามีแนวโน้มเคลื่อนไหวในกรอบ 30.75-31.10 ต่อดอลลาร์เทียบกับระดับปิดแข็งค่าที่ 30.90 ต่อดอลลาร์เมื่อสัปดาห์ที่แล้วโดยเงินบาทแตะระดับแข็งค่าสุดในรอบ 5 เดือนหลังคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) คงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 0.50% ตามคาดทั้งนี้นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิในตลาดหุ้นและพันธบัตรไทย 1.1 หมื่นล้านบาทและ 4.8 พันล้านบาทตามลำดับ

กลุ่มงานโกลบอลมาร์เก็ตส์กรุงศรีมองว่านักลงทุนจะติดตามสถานการณ์ยอดผู้ติดเชื้อ COVID-19 ที่สูงขึ้นในต่างประเทศรวมถึงการเปิดเผยรายงานการประชุมธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) และข้อมูลการจ้างงานนอกภาคเกษตรหลังจากสหรัฐฯยืนยันว่าข้อตกลงการค้ากับจีนยังคงไม่มีการเปลี่ยนแปลงแม้ว่าก่อนหน้านี้มีกระแสข่าวสร้างความสับสนให้กับตลาดในช่วงสั้นๆอนึ่งเราประเมินว่าความเปราะบางของการลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยงจะช่วยชะลอแรงขายดอลลาร์ในระยะนี้อย่างไรก็ตามผลกระทบต่อค่าเงินบาทอาจถูกจำกัดหากราคาทองคำยังคงไต่ระดับสูงขึ้นส่งผลให้เงินบาทมีแนวโน้มแข็งค่าขึ้น

สำหรับปัจจัยในประเทศกนง.คงดอกเบี้ยด้วยมติเอกฉันท์แต่ลดคาดการณ์จีดีพีปี 2563 เป็นหดตัว 8.1% จากเดิมคาดว่าติดลบ 5.3% และปรับเพิ่มประมาณการจีดีพีปี 2564 เป็น 5% จากเดิมคาดว่าจะเติบโต 3% และปรับลดคาดการณ์การส่งออกปี 2563 เป็นหดตัว 10.3% จากเดิมคาดว่าจะติดลบ 8.8% พร้อมประเมินว่าจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติในช่วงครึ่งหลังของปีนี้จะเพิ่มขึ้นเพียง 1 ล้านคนทำให้ทั้งปีร่วงลงราว 80% จากปีก่อนหน้าขณะที่กนง. ประเมินว่าเศรษฐกิจไทยจะดีขึ้นในช่วงครึ่งปีหลังแต่ยังคงหดตัวทางด้านเสถียรภาพระบบการเงินเปราะบางมากขึ้นตามภาวะเศรษฐกิจอย่างไรก็ดีธนาคารพาณิชย์ยังแข็งแกร่งแต่ในระยะข้างหน้าต้องเตรียมพร้อมรับผลกระทบจาก COVID-19 นอกจากนี้ทางการกังวลต่อเงินบาทที่แข็งค่าขึ้นและจะติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิดรวมทั้งประเมินความจำเป็นของมาตรการที่เหมาะสมเพิ่มเติมจากท่าทีโดยรวมเราคาดว่ากนง.จะคงดอกเบี้ยที่ 0.50% ตลอดช่วงที่เหลือของปีนี้ส่วนยอดส่งออกและนำเข้าเดือนพฤษภาคมที่หดตัวเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2562 ในอัตรารุนแรงถึง 22.5% และ 34.4% ตามลำดับสะท้อนความไม่แน่นอนสูงผนวกกับอุปสงค์ภายในที่อาจทรุดตัวยาวนานกว่าคาดทำให้เรามองว่าการเยียวยาที่ตรงจุดและประสิทธิผลของมาตรการด้านการคลังการเงินและเครื่องมือที่ไม่ใช่ดอกเบี้ยนโยบายจะมีความสำคัญอย่างมากต่อการพยุงตลาดแรงงานในเวลานี้

RELATED ARTICLES
- Advertisment -spot_img
- Advertisment -spot_img
- Advertisment -spot_img