จากกรณีตำรวจสนธิกำลัง 4 กองบัญชาการและ ชุดปฏิบัติการพิเศษ “หนุมานกองปราบ” เปิดปฏิบัติการ ตรวจค้น 12 จุดทั้ง กทม. จ.ตรัง จ.พังงา และ จ.ระนอง เพื่อติดตามจับกุมตัว 10 ผู้ต้องหาตามหมายจับ มีทั้ง ประธานกรรมการฯ และคณะกรรมการบริหาร บจก. ชมพู (บ้วนหลี) ประกอบกิจการค้าส่ง ผลิตทองรูปพรรณ ย่านวังบูรพา ตามความผิดฐานฟอกเงิน หลังพบพฤติการณ์เกี่ยวข้องการฟอกเงินเครือข่ายยาเสพติด “ดาวเรือง” จนผลประกอบพุ่งสูงถึงกว่า 3 พันล้านบาท นอกจากนี้จากการขยายผลตรวจสอบเส้นทางการเงินร้านทองย่านวังบูรพาดังกล่าว เจ้าหน้าที่ชุดคลี่คลายคดียังพบว่ามีร้านทองอื่นๆในย่านเยาวราชอีก 3 แห่ง และร้านทองในพื้นที่ต่างจังหวัดอีกหลายแห่งในพื้นที่ต่างจังหวัดเกี่ยวข้องกับขบวนการฟอกเงินยาเสพติด ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการตรวจสอบข้อมูลหลักฐานอย่างละเอียด ตามที่ได้เคยมีการนำเสนอไปก่อนหน้านี้แล้วนั้น
ความคืบหน้าคดีดังกล่าวล่าสุดเมื่อวันที่ 20 มิ.ย. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังจากเจ้าหน้าที่ชุดคลี่คลายคดีดังกล่าวทำการขยายผลตรวจสอบเส้นทางการเงินของบริษัท บจก. ชมพู (บ้วนหลี) อย่างละเอียด จนพบว่านอกจากจะรับฟอกเงินให้กับเครือข่ายยาเสพติดดาวเรืองแล้ว ยังรับฟอกเงินให้กับนายทุนยาเสพติดรายใหญ่อื่นๆอีก 5 เครือข่าย โดย 1 ใน 5 นั้น จากแนวทางสืบสวนพบว่าเป็นเครือข่ายยาเสพติดของ แม็ก-มิกส์ แฝดทมิฬนักค้ายาเสพติดรายใหญ่ในพื้นที่ภาคกลาง ที่ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจวิสามัญเสียชีวิตไปก่อนหน้านี้ หลังพบว่า เครือข่ายยาเสพติดดังกล่าวได้มีการโอนเงินผ่านบัญชีธนาคารของ นายสุทธิชัย ไกรกวี และบัญชีนายทิพากร พงษ์ไทย นายหน้าคนกลางที่รับเป็นธุระจัดการฟอกเงินให้กับเครือข่ายยาเสพติดต่างๆทั่วประเทศ ก่อนที่นายสุทธิชัยกับนายทิพากร จะโอนเงินไปยังร้านทองทรัพย์ทวีกาญจนบุรี ตั้งอยู่ที่ จ. กาญจนบุรี ก่อนที่จะมีการโอนต่อไปยังบริษัท บจก. ชมพู (บ้วนหลี) จำกัด ปลายทาง
เจ้าหน้าที่จึงได้ขยายผลตรวจสอบนายสุทธิชัยและนายทิพากร จนพบว่ามีการเปิดบัญชีธนาคารใช้สำหรับการทำธุรกรรมฟอกเงินจำนวน 16 บัญชีมียอดเงินหมุนเวียนรวมกว่า 3,000 ล้านบาท ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้รวบรวมพยานหลักฐานออกหมายจับนายสุทธิชัย และนายทิพากร ก่อนทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ บช.ปส.จะนำกำลังเข้าจับกุมเมื่อวันที่ 16 มิ.ย. ที่ผ่านมา พร้อมกับตรวจยึดสมุดบัญชีธนาคารที่เกี่ยวข้องจำนวนกว่า 100 บัญชี ที่บ้านพักของผู้ต้องหาทั้งสองคนนี้เพื่อนำไปตรวจสอบขยายผลถึงผู้ร่วมขบวนการรายอื่นๆ
อย่างไรก็ตามภายหลังจากเจ้าหน้าที่ทำการตรวจยึดสมุดบัญชีธนาคารต่างๆของ นายสุทธิชัย และนายทิพากร จำนวน 100 กว่าบัญชีแล้วนั้น ก็ได้ทำการตรวจสอบเส้นทางการเงินอย่างละเอียด จนพบว่ามีเส้นทางการเงินเชื่อมโยงไปถึง น.ส.ศรีนวล ไทยใหญ่ บุคคลไม่ทราบสัญชาติ อีกหนึ่งขบวนการยาเสพติดข้ามชาติ ที่เคยมีการทำธุรกรรมโอนเงินไปยังบัญชีของ บริษัทชมพู (บ้วนหลี) จำกัด ด้วยเช่นกัน
อย่างไรก็ตามภายหลังเจ้าหน้าที่พบว่าร้านทองทรัพย์ทวีกาญจนบุรี มีส่วนเกี่ยวข้องทางเส้นทางการเงินของขบวนการรับฟอกเงินของ บริษัท บจก. ชมพู (บ้วนหลี) จำกัด กับ นายทุนยาเสพติด แล้วนั้น จึงได้ติดต่อนายขจรศักดิ์ มนัสปิยะเลิศ เจ้าของร้านทองทรัพย์ทวีกาญจนบุรี เข้าให้ข้อมูล ซึ่งเบื้องต้นนายขจรศักดิ์ให้การว่ายอดเงินที่รับโอนมาจากนายสุทธิชัย และนายทิพากร นั้นเป็นเงินจากลูกค้าที่เป็นเจ้าของร้านทองคำชาวพม่าที่สั่งซื้อทองคำแท่งมาทางร้านตน แต่ด้วยความที่ทองคำที่ทางลูกค้าต้องการนั้นมีปริมาณค่อนข้างมาก ตนจึงติดต่อไปยังร้านทองชมพู (บ้วนหลี) ซึ่งเป็นร้านใหญ่ เพื่อสั่งซื้อทอง ก่อนจะให้ลูกค้าโอนเงินโดยตรงกับร้านทองชมพู (บ้วนหลี) และให้ลูกค้าส่งหลักฐานการโอนเงินมาให้ตนเพื่อที่จะส่งต่อให้กับร้านชมพู (บ้วนหลี) ไปตรวจสอบยอดเงิน ซึ่งเงินดังกล่าวจะมาจากหลายบัญชี ตนจึงไม่ทราบรายละเอียด ทั้งนี้เมื่อโอนเงินครบแล้ว ตนจะไปรับทองด้วยตัวเอง โดยจะให้ร้านทองออกใบเสร็จเป็นชื่อลูกค้าเจ้าของร้านทองชาวพม่าชื่อ MI CHO CHO THAE เมื่อรับทองคำแท่งแล้ว ลูกค้าชาวพม่าจะให้ลูกน้องมารับทองคำแท่งที่ร้านของตน โดยจะคิดเงินค่าติดต่อสั่งซื้อทองคำแท่งจากลูกค้าพม่าอีกบาทละ 30-50 บาท ซึ่งลูกค้าจะโอนมาให้ต่างหาก