(16 มิ.ย. 63) นางวันทนีย์ วัฒนะ รองปลัดกรุงเทพมหานคร เป็นประธานการประชุมศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) กรุงเทพมหานคร (ศบค.กทม.) ครั้งที่ 59/2563 โดยมี คณะผู้บริหารกรุงเทพมหานคร คณะโฆษกกรุงเทพมหานคร ผู้แทนกองบัญชาการตำรวจนครบาล ผู้แทนสำนัก ผู้แทนกลุ่มเขต และผู้แทนส่วนราชการในสังกัดกรุงเทพมหานครที่เกี่ยวข้อง ร่วมประชุม ณ ห้องรัตนโกสินทร์ ศาลาว่าการกรุงเทพมหานคร (เสาชิงช้า)
ที่ประชุมได้หารือถึงสถานการณ์การแพร่ระบาดโรคโควิด-19 รอบใหม่ที่อาจเกิดขึ้นได้ ซึ่งหลายฝ่ายคาดการณ์ว่า กรุงเทพฯ น่าจะเป็นพื้นที่ที่มีความเสี่ยงต่อการเกิดเหตุการณ์ดังกล่าวมากที่สุด เนื่องจากภายหลังการผ่อนปรนมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดหลายประการ ทำให้ประชาชนจำนวนไม่น้อยเกิดความชะล่าใจ และขาดความใส่ใจต่อมาตรการดูแลสุขอนามัยส่วนบุคคลลงค่อนข้างมาก ทั้งนี้หากเกิดการแพร่ระบาดรอบใหม่ขึ้นจริง อาจสร้างความตื่นตระหนกให้แก่ประชาชนมากกว่าสถานการณ์แพร่ระบาดรอบที่ผ่านมา จึงขอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องทุกฝ่ายประสานการทำงานและเตรียมพร้อมรองรับสถานการณ์ดังกล่าว โดยในส่วนของกรุงเทพมหานคร เตรียมความพร้อมโรงพยาบาลผู้สูงอายุบางขุนเทียน โรงพยาบาลในสังกัดกรุงเทพมหานคร จัดเตรียมเครื่องมือ วัสดุอุปกรณ์ และบุคลากรทางการแพทย์ นอกจากนี้ยังได้ประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อาทิ กรมควบคุมโรค กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข เครือข่ายโรงพยาบาบาลที่ตั้งอยู่ภายในพื้นที่กรุงเทพฯ เพื่อเตรียมความพร้อมด้วยเช่นกัน คาดว่าจะสามารถรองรับสถานการณ์ได้ในระดับที่พร้อมพอสมควร
ย้ำการ์ดอย่าตก รักษามาตรฐาน New Normal ป้องกันการแพร่ระบาดระลอกใหม่
นอกจากนี้ที่ประชุมได้ขอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องประชาสัมพันธ์กระตุ้นเตือนให้ประชาชนดูแลสุขอนามัยส่วนบุคคล ปรับการดำเนินชีวิตตามปกติในรูปแบบใหม่ (New Normal) ด้วยหลัก 6 ประการ ได้แก่ 1.หมั่นล้างพื้นผิวสัมผัสบ่อยๆ ด้วยน้ำยาฆ่าเชื้อ หรืออย่างน้อยล้างทำความสะอาดด้วยน้ำสบู่ หรือผงซักฟอก 2.สวมหน้ากากอนามัยทุกครั้งที่ออกนอกบ้านหรืออยู่ในที่สาธารณะ 3.หมั่นล้างมือบ่อยๆ ด้วยสบู่และน้ำ หรือแอลกอฮอล์ล้างมือ 4.รักษาระยะห่างระหว่างบุคคล อย่างน้อย 1-2 เมตร โดยเฉพาะบุคคลแปลกหน้าหรือผู้ที่ไม่ใช่สมาชิกในครอบครัว 5.หลีกเลี่ยงการอยู่ในพื้นที่แออัด โดยเฉพาะบริเวณที่อากาศถ่ายเทไม่สะดวก และ 6.ใช้แพลตฟอร์ม “ไทยชนะ” ทุกครั้งเมื่อไปใช้บริการร้านค้าหรือสถานประกอบการต่างๆ เนื่องจากแพลตฟอร์ม “ไทยชนะ” จะทำให้สามารถติดตามบุคคลในสถานที่ที่อาจมีการแพร่ระบาดได้สะดวก ซึ่งจะส่งผลให้การควบคุมการแพร่ระบาดเป็นไปได้อย่างรวดเร็ว ลดการขยายวงการแพร่ระบาดได้ทันท่วงที รวมทั้งขอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องตรวจแนะนำสถานประกอบการ ห้างร้าน รวมถึงประชาชนที่ประกอบกิจกรรมในสถานที่สาธารณะต่างๆ ให้ปฏิบัติตามข้อกำหนดของมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดอย่างเข้มข้นและทั่วถึง และขอให้หมั่นตรวจซ้ำสถานที่ดังกล่าวข้างต้นเพื่อให้คำแนะนำและกระตุ้นเตือนผู้ประกอบการและประชาชน โดยเฉพาะในตลาดสด ตลาดนัด และตลาดน้ำด้วย
เพิ่มทีม SSRT เพื่อสอบสวนโรคทันต่อเหตุการณ์
อย่างไรก็ดีหากมีการระบาดรอบใหม่ สิ่งสำคัญที่จะสามารถควบคุมการแพร่ระบาดได้อย่างรวดเร็ว นอกจากการใช้แพลตฟอร์ม “ไทยชนะ” แล้ว การทำงานของทีมสอบสวนโรคเร่งด่วน (SSRT) เป็นอีกปัจจัยที่จะสามารถควบคุมการแพร่ระบาดได้อย่างรวดเร็ว ซึ่งปัจจุบันกรุงเทพมหานครมีทีมสอบสวนโรคเร่งด่วน รวมทั้งสิ้น 71 ทีม ทีมสอบสวนโรคเร่งด่วน ประจำศูนย์บริการสาธารณสุข ทั้ง 68 แห่ง รวม 68 ทีม และทีมสอบสวนโรคเร่งด่วนของสำนักอนามัย จำนวน 3 ทีม จึงขอให้โรงพยาบาลในสังกัดพิจารณาจัดตั้งทีมสอบสวนโรคเร่งด่วนเพิ่มเติม เพื่อให้สามารถปฏิบัติงานได้อย่างทันต่อเหตุการณ์ซึ่งจะสามารถควบคุมการแพร่ระบาดโรคได้อย่างรวดเร็วต่อไป