หน้าแรกกระบวนการยุติธรรม“ผบ.ตร.”สั่ง พงส. ห้ามช่วยราชการ ต้อง กลับต้นสังกัดภายใน 7 วัน เหตุ ขาดแคลน กระทบงานบริการประชาชน

“ผบ.ตร.”สั่ง พงส. ห้ามช่วยราชการ ต้อง กลับต้นสังกัดภายใน 7 วัน เหตุ ขาดแคลน กระทบงานบริการประชาชน

ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. ได้มีบันทึกข้อความส่วนราชการที่ 0009.232/ว16 ลง 12 มิถุนายน 2563 ถึง จตช. และ รอง ผบ.ตร. หรือตำแหน่งเทียบเท่า ,ผู้ช่วย ผบ.ตร. หรือตำแหน่งเทียบเท่า, ผบช. หรือตำแหน่งเทียบเท่า, ผบก.ในสังกัด สง.ผบ.ตร. หรือนำแหน่งเทียบเท่า, ผอ./หน.ทุกศูนย์ปฏิบัติการ หรือที่เรียกชื่อเป็นอย่างอื่น เรื่องการปรับปรุงประสิทธิภาพงานสอบสวน

ด้วย ตร. มีนโยบายที่จะปรับปรุงประสิทธิภาพงานสอบสวนเนื่องจากปัจจุบันประสบปัญหาการขาดแคลนข้าราชการตำรวจผู้ปฏิบัติหน้าที่ด้านสอบสวน โดยมีสาเหตุหนึ่งมาจากผู้บังคับบัญชาผู้มีอำนาจหรือหน่วยต่าง ๆ มีคำสั่งให้ไปปฏิบัติหน้าที่อื่นที่มิใช่งานสอบสวนทำให้เกิดผลกระทบต่อการบริการประชาชนในการอำนวยความยุติธรรม ดังนั้น เพื่อให้การอำนวยความยุติธรรมกับประชาชนเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพประกอบกับเพื่อให้การบริหารงานบุคคลในภาพรวม ตร. เป็นไปด้วยความเรียบร้อย จึงให้ดำเนินการ ดังนี้

1.ยกเลิกคำสั่งที่สั่งการให้ข้าราชการตำรวจผู้ปฏิบัติหน้าที่ด้านสอบสวนไปปฏิบัติราชการใน ตร. และการไปช่วยราชการนอกสังกัด ตร. การไปปฏิบัติราชการหรือการอนุมัติเดินทางไปปฏิบัติราชการของศูนย์ปฏิบัติการต่าง ๆ รวมถึงการไปรักษาความปลอดภัยบุคคลสำคัญทุกกรณี เว้นแต่

1.1 คำสั่งให้ข้าราชการตำรวจผู้ปฏิบัติหน้าที่ด้านสอบสวนในสถานีตำรวจไปปฏิบัติราชการงานสอบสวนในสถานีตำรวจ
1.2 คำสั่งให้ข้าราชการตำรวจผู้ปฏิบัติหน้าที่ด้านสอบสวนที่ไม่ใช่ในสถานีตำรวจไปปฏิบัติราชการงานสอบสวนในสถานีตำรวจหรืองานสอบสวนอื่น
1.3 คำสั่งให้ข้าราชการตำรวจผู้ปฏิบัติหน้าที่ด้านสอบสวนที่มีกรณีเป็นที่สงสัยว่าประพฤติบกพร่องต่อหน้าที่ หรือมีกรณีเป็นที่สงสัยว่ากระทำความผิดทางวินัย หรืออยู่ระหว่างต้องหาในคดีอาญา
หรือถูกฟ้องคดีอาญา หากให้ปฏิบัติหน้าที่ในหน่วยงานเดิม อาจก่อให้เกิดความเสียหายได้

ทั้งนี้ ให้ส่งตัวข้าราชการตำรวจกลุ่มดังกล่าวกลับไปปฏิบัติหน้าที่ตามตำแหน่งเดิม ภายใน 7 วัน นับตั้งแต่วันที่สั่งการนี้

กรณีการช่วยราชการนอกสังกัด ตร. ให้ สกพ. มรหนังสือแจ้งให้ส่วนราชการหรือหน่วยงานที่ขอตัวข้าราชคารตำรวจไปช่วยราชการส่งตัวข้าราชการตำรวจกลุ่มดังกล่าวกลับตันสังกัด สำหรับการรักษาความปลอดภัยบุคคลสำคัญ ให้ บช.ส. ดำเนินการ

ให้หัวหน้าสถานีตำรวจหรือผู้บังคับบัญชาต้นสังกัดระดับ บก. แล้วแต่กรณี ติดตามข้าราชการตำรวจผู้ปฏิบัติหน้าที่ด้านสอบสวนที่ถูกยกเลิกคำสั่งข้างตัน กลับไปปฏิบัติหน้าที่ตามตำแหน่งเดิมทุกราย ภายใน 7 วัน นับตั้งแต่วันที่สั่งการนี้ หากข้าราชการตำวจดังกล่าวยังไม่กลับมาปฏิบัติหน้าที่ ให้รายงาน ตร.(ผ่าน สกพ.) ทราบภายใน 15 วัน นับตั้งแต่วันที่สั่งการนี้ (ทาง e-mail ที่ pol.appointment@gmai.com)

2.ห้ามมิให้ผู้บังคับบัญชาผู้มีอำนาจทุกระดับชั้นสั่งให้ข้าราชการตำวจผู้ปฏิบัติหน้าที่ด้านสอบสวนไปปฏิบัติราชการใน ตร. หรือการปฏิบัติหน้าที่ศูนย์ปฏิบัติการต่าง ๆ การไปช่วยราชการนอกสังกัด ตร. รวมถึงการไปรักษาความปลอดภัยบุคคลสำคัญ เว้นแต่เป็นการสั่งการตามข้อ 1.1 ถึง 1.3 หรือมีเหตุผลความจำเป็นอย่างยิ่ง ตร. จะพิจารณาเป็นกรณีพิเศษเฉพาะรายไป

3.ให้หัวหน้าสถานีตำรวจจัดให้ข้าราชการตำรวจผู้ปฏิบัติหน้าที่ด้านสอบสวนทุกรายอยู่ปฏิบัติหน้าที่เข้าเวรสอบสวนโดยให้ปฏิบัติหน้าที่สับเปลี่ยนหมุนเวียนกันไป ตามประมวลระเบียบการตำรวจไม่เกี่ยวกับคดี ลักษณะที่ 25 เวรยาม สายตรวจ กองรักษาการณ์ บทที่ 8 พนักงานสอบสวนเวร เพื่ออำนวยความยุติธรรมให้กับประชาชนอย่างต่อเนื่อง และกำชับให้หัวหน้าสถานีตำรวจควบคุม กำกับดูแลการปฏิบัติของข้าราชการตำรวจผู้ปฏิบัติหน้าที่ด้านสอบสวนให้เป็นไปตามกฎหมาย ระเบียบ คำสั่ง ข้อบังคับที่เกี่ยวข้องกับการสอบสวนอย่างเคร่งครัด ตามคำสั่งตร. ที่ 354/2562 ลง 20 มิถุนายน 2562 เรื่อง หน้าที่รับผิดชอบในการอำนวยความยุติธรรมทางอาญาของหัวหน้าพนักงานสอบสวน

4.กรณีจำเป็นอย่างยิ่งที่ข้าราชการตำรวจผู้ปฏิบัติหน้าที่ด้านสอบสวนไม่สามารถปฏิบัติหน้าที่ด้านสอบสวนได้ตามปกติ ในการเบิกจ่ายเงินเพิ่มเป็นกรณีพิเศษให้แก่ข้าราชการตำรวจที่ดำรงตำแหน่งผู้ปฏิบัติหน้าที่ด้านสอบสวนและปฏิบัติหน้าที่ด้านสอบสวน ให้หน่วยต่างๆ ดำเนินการเป็นไปด้วยความถูกต้องและตามความเป็นจริง โดยยึดถือระเบียบ ก.ตร.ว่าด้วยเงินเพิ่มเป็นกรณีพิเศษสำหรับตำแหน่งผู้ปฏิบัติหน้าที่ด้านสอบสวน พ.ศ.2559 อย่างเคร่งครัด และหากตรวจพบว่ามีการฝ่าฝืน จะพิจารณาข้อบกพร่องผู้บังคับบัญชาทุกระดับชั้น

5.ให้จต. สตส. และผู้บังคับบัญชาระดับ บช. และ บก. ที่รับผิดชอบงานจเรตำรวจ ตรวจสอบการปฏิบัติหน้าที่ของพนักงานสอบสวนเวรทุกรายแล้วบันทึกผลการตรวจให้ชัดเจน โดยผลการตรวจสอบจะต้องสอดคล้องกับสถิติการรับคดีในระบบ CRIMES และคำสั่งการให้ปฏิบัติหน้าที่พนักงานสอบสวนเวร โดยหากพบข้อบกพร่องให้ดำเนินการทางวินัยตามอำนาจหน้าที่ แล้วรายงานให้ ตร. ทราบ

พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา
พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา
RELATED ARTICLES
- Advertisment -spot_img
- Advertisment -spot_img
- Advertisment -spot_img