หน้าแรกการเมืองนายกฯยังไม่คิดปรับครม.ยันไร้ปัญหา "ประวิตร" หน.พปชร.

นายกฯยังไม่คิดปรับครม.ยันไร้ปัญหา “ประวิตร” หน.พปชร.

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ยังระบุถึง สถานการณ์ทางการเมืองในช่วงหลายวันนี้และขอยืนยันว่าไม่ได้เข้าไปเกี่ยวข้องใดๆทั้งสิ้น เพราะเป็นเรื่องของแต่ละพรรคที่ดำเนินการกันไป ส่วนการปรับเปลี่ยนคณะรัฐมนตรีเป็นอำนาจของนายกรัฐมนตรีที่จะพิจารณา และไม่ใช่เรื่องที่จะเสนอกันมาในตอนนี้ จึงขอให้รัฐมนตรีทุกคนทำงานไปก่อน

พร้อมทั้งขอให้เลิกเสนอข่าวเหล่านี้เหมือนเป็นดราม่า หรือ ละครสักเรื่อง แต่ถ้าดูเป็นละครแล้วก็ต้องย้อนมาดูตัวด้วย ดังนั้นอย่าเพิ่งถามว่าจะปรับครม.หากจะปรับจะบอกให้ทราบเอง เพราะเป็นการตัดสินใจของนายกมนตรีแต่เพียงผู้เดียว ในการปรับครม.และพิจารณาตามสัดส่วนของแต่ละพรรคอยู่แล้ว

นายกรัฐมนตรี ระบุว่า หาก พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ เป็นหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ก็เป็นเรื่องของ พล.อ.ประวิตร ที่ต้องทำงานทั้ง 2 งานให้ได้ทั้งงานของหัวหน้าพรรคและงานของรองนายกมนตรีโดยไม่ถือว่าเป็นงานหนักเพราะทุกคนต้องทำงานได้ และถือเป็นคนละส่วนกัน และเป็นเรื่องของพรรคพลังประชารัฐจะพิจารณา

ส่วนที่มองว่า พล.อ.ประวิตร อายุมากแล้ว จะมีความพร้อมในการทำหน้าที่หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐหรือไม่นั้น ก็ต้องไปถามที่ตัว พล.อ.ประวิตร ซึ่งในตอนนี้เรื่องการปรับคณะรัฐมนตรี ยังเป็น Talk Of The Town ที่สื่อนำเสนอทุกวัน แต่ยืนยันว่า ยังไม่มีใครจะหลุดหรือใครจะเข้ามาในคณะรัฐมนตรีและวันนี้ขอให้คนที่อยู่ในตำแหน่งทำให้ดีที่สุด

นายกรัฐมนตรี ยังระบุถึงการบริหารจัดการงบฯ ฟื้นฟูโควิด-19 จำนวน 4 แสนล้านบาทว่า ในฐานะหัวหน้ารัฐบาลขอยืนยันจะดำเนินการให้โปร่งใสมีประสิทธิภาพตรวจสอบได้ และกำชับไปในที่ประชุม คณะรัฐมนตรีแล้ว เพราะเป็นงบประมาณที่มีความสำคัญในการสานต่อเศรษฐกิจไตรมาส 4 เดือนช่วงเดือนกรกฎาคมสิงหาคมกันยายน เพื่อส่งต่อไปยังไตรมาส 1 ของงบประมาณปี 2564 ที่กำลังจะพิจารณาเข้าสภาในลำดับต่อไป

โดยจะต้องพิจารณาวงเงิน 4 แสนล้านบาท ว่า จะดำเนินการในเรื่องใดบ้างที่จะต้องฟื้นฟูตามขั้นตอนและต้องตรงความต้องการของประชาชนกลุ่มที่ผู้เดือดร้อนตามเหตุผลและความจำเป็น โดยจะดำเนินการได้ตั้งแต่ต้นเดือนกรกฎาคม ซึ่งขณะนี้เป็นช่วงของการดำเนินการ ซึ่งหลักการสำคัญคือกระตุ้นการบริโภคท่องเที่ยวและช่วยเหลือ เศรษฐกิจฐานรากชุมชนให้ดำเนินการต่อไปได้เพื่อรักษาระดับการจ้างงานและช่วยเหลือบัณฑิตจบใหม่ให้มีงานทำ ซึ่งขณะนี้คณะกรรมการกำลังดำเนินงาน

ทั้งนี้ ย้ำว่า เป็นเงินที่ได้มาด้วยความยากลำบากเนื่องจากต้องกู้มา ดังนั้นต้องเดินหน้าอย่างรอบคอบ ทั้งการใช้จ่ายงบประมาณประจำปี และการดำเนินการบริหารงบฟื้นฟูให้เกิดสภาพคล่อง ไม่ให้ประชาชนเดือดร้อน และกระทบต่อกิจการต่าง และการจ้างงาน โดยยืนยันว่าการแก้ไขสถานการณ์ช่วงโควิด-19 รัฐบาลใช้มาตรการทุกมิติทั้งมาตรการการเงินการคลัง มาตรการทางภาษี และการใช้งบประมาณไปสู่ประชาชนในทุกกลุ่มจึงมั่นใจว่าในกรอบรัฐบาลจะไม่ให้เกิดปัญหาการทุจริตโดยเด็ดขาด

สำหรับสถานการณ์ไวรัสโควิด 19ต้องขอขอบคุณทุกภาคส่วนที่แก้ไขปัญหาได้อย่างดี เพราะวันนี้เป็นเรื่องน่ายินดีที่ไม่พบผู้ติดเชื้อภายนอก State quarantine เป็นวันที่ 14 และในหลายจังหวัดได้เปิดธุรกิจและกิจการต่างๆตามมาตรการผ่อนปรนระยะที่ 3

พร้อมย้ำว่า เห็นใจความเดือดร้อนของทุกฝ่าย แต่ต้องมองในเรื่องของสุขภาพด้วย ดังนั้นจึงจำเป็นต้องมีกฎหมายให้เจ้าหน้าที่ทำงานได้ในมาตรฐานเดียวกัน โดยยืนยันว่าไม่ต้องการปิดกั้นประชาชนและไม่เกี่ยวข้องกับการเมืองใดๆทั้งสิ้น

นายกรัฐมนตรี ระบุว่า ช่วงนี้ให้ระมัดระวังเรื่องฝนฟ้าอากาศและดูแลสุขภาพ และเน้นย้ำเรื่องของการแก้ปัญหาภัยแล้งและการเพาะปลูก ในสถานการณ์ที่เกิดปัญหาน้ำแล้ง โดยได้กำชับให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องไปดูแลเรื่องของแหล่งกักเก็บน้ำให้เพียงพอ แต่ปัญหาคือแม้จะมีพื้นที่รองรับน้ำแต่เกิดปัญหาฝนไม่ตก จึงต้องใช้วิธีการขุดเจาะหาน้ำบาดาล แต่หลายพื้นที่ต้องขุดเจาะน้ำบ่อบาดาลให้ลึกขึ้น เนื่องจากความเปลี่ยนแปลงของพื้นผิวโลก จึงต้องระมัดระวังการจัดเก็บน้ำใต้ดินไม่ให้เกิดปัญหาสารเคมีปนด้วย

สำหรับเรื่องของการท่องเที่ยวได้สั่งการให้ดำเนินการไว้ในเรื่องการท่องเที่ยวเพื่อสุขภาพและต้องหามาตรการรองรับ โดยเฉพาะเน้นจะรับ นักท่องเที่ยวจากประเทศที่ไม่มีปัญหาโควิดและให้เข้ามาในพื้นที่ที่สามารถดูแลได้ รวมทั้งกรณีที่ต้องรองรับชาวต่างชาติที่เข้ามารักษาพยาบาลต่างๆ ซึ่งถือว่าเป็นรายได้ของประเทศอีกทางหนึ่ง แต่ต้องไม่เกิดปัญหาไปทับซ้อนกับเรื่องสถานการณ์โควิด

นอกจากนี้ ยังต้องคำนึงถึงสถานการณ์โลก เพราะโลกก็มีปัญหาเช่นเดียวกันดังนั้นขออย่านำทุกเรื่องมาพันกันหมดจนมองไม่เห็นข้อเท็จจริง และขอให้นำเสนอข่าวโดยนำเรื่องที่ดีออกมาด้วย แต่หากมีเรื่องที่ไม่ดีก็พร้อมแก้ไข

พร้อมกันนี้ นายกรัฐมนตรี ยังระบุถึงกรณีนายวันเฉลิม นักเคลื่อนไหวทางการเมืองที่หายตัวไปในประเทศกัมพูชา ว่าไม่รู้จัก แต่ยืนยันว่า เรื่องใดที่สามารถดำเนินการได้ก็ให้ดำเนินการไปและให้ฝ่ายความมั่นคงติดตามแล้ว ทราบแต่เพียงว่าหนีไปต่างประเทศ โดยให้ไปติดตามว่าหนีไปด้วยเรื่องอะไรและอยู่ที่ไหน ทั้งนี้ไม่ทราบว่าไปทำอะไรที่กัมพูชา ดังนั้นจึงไม่ไปก้าวล่วงอำนาจของประเทศอื่นๆได้เพราะแต่ละประเทศก็มีกลไกตรวจสอบ

จึงต้องให้ความเป็นธรรมกับเจ้าหน้าที่ด้วย ทั้งนี้ ยินดีให้ความร่วมมือ เพราะถือว่าเป็นคนไทยที่ไปอยู่ต่างประเทศ พร้อมย้ำว่า โดยส่วนตัวไม่ได้คุยกับ พล.อ.เตียบัณห์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมกัมพูชา เพราะเป็นเรื่องของกระทรวงการต่างประเทศที่ประสานกันอยู่ขอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการไป และยังไม่ต้องถึงมือนายกรัฐมนตรี

นายกรัฐมนตรี ยังกล่าวว่า ได้รับทราบถึงความคืบหน้าแผนฟื้นฟูการบินไทยที่ดำเนินการไปได้ด้วยดีและได้รับทราบเรื่องการปรับปรุง องค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ หรือ ขสมก.ซึ่งเป็นรัฐวิสาหกิจที่ให้บริการประชาชน แต่มีปัญหาขาดทุนมากพอสมควรดังนั้นต้องดูแลให้องค์กรสามารถอยู่ได้และลูกจ้างมีความพึงพอใจ ซึ่งทุกอย่างมีความเกี่ยวข้องกันหมด

โดยเชื่อว่าทุกฝ่ายจะพอใจการปรับปรุง ขสมก. เพราะหลังจากนี้จะมีรถ ให้บริการประชาชนที่มีประสิทธิภาพ และมีเส้นทางรองรับประชาชนเพื่อปรับเส้นทางให้เกิดความสะดวกและกำหนดค่าโดยสารตลอดสายในราคาเดียวทั้งหมดอยู่ในแผนการฟื้นฟูที่จะนำเข้าครม.ต่อไปให้เร็วที่สุดเพื่อเดินหน้าตามที่ประชาชนรอคอย เพราะทุกอย่างที่รัฐบาลดำเนินการมา 1 ปี ยึดประชาชนเป็นหลักอยู่เสมอแต่จะสามารถแก้ไขได้มากหรือน้อยก็ต้องอาศัยกลไกต่างๆ ประกอบและขอให้ประชาชนปรับตัวเพื่อให้รัฐสามารถทำงานได้อย่างสะดวก โดยการหาจุดสมดุลตรงกลางเพื่อเดินหน้าไปด้วยกัน

RELATED ARTICLES
- Advertisment -spot_img
- Advertisment -spot_img
- Advertisment -spot_img