เมื่อวานนี้ (8 มี.ค.) รศ.ดร.พิชาย รัตนดิลก ณ ภูเก็ต คณบดีคณะพัฒนาสังคมและสิ่งแวดล้อม สถาบันบัณฑิตพัฒนาบริหารศาสตร์ (นิด้า) และประธานคณะกรรมการรณรงค์เพื่อประชาธิปไตย โพสต์แสดงความเห็นผ่านเฟซบุ๊ก ‘พิชาย รัตนดิลก ณ ภูเก็ต‘ ซึ่งระบุว่า ข้อสังเกตเรื่องเสือดำ
1. เป็นคดีที่สังคมให้ความสนใจมากเป็นพิเศษ คนในหลากหลายอาชีพร่วมกันรณรงค์เกี่ยวกับการดำเนินคดีนี้อย่างกว้างขวางเพื่อเรียกร้องความเป็นธรรมให้แก่เสือดำ และเสือดำกลายเป็นสัญลักษณ์ของการเรียกร้องความเป็นธรรม และยังเป็นสัญลักษณ์แห่งการต่อต้านการเป็นอภิสิทธิ์ชนของนายทุน และการใช้อำนาจรัฐแบบฉ้อฉล
2. การที่ผู้ก่อคดีนี้เป็นนายทุนใหญ่ผู้ทรงอิทธิพลระดับประเทศ ทำให้คนในสังคมอยากให้รัฐนำตัวผู้กระทำผิดมาลงโทษให้ได้โดยเร็ว เพราะคนในสังคมไทยมีความอึดอัดและอัดอั้นใจสะสมมานานหลายกรณีเกี่ยวการมีอภิสิทธิ์ของนายทุนที่ทำผิดกฎหมาย แล้วมักลอยนวลเหนือกฎหมาย กรณีนายทุนยิงเสือดำจึงทำคนจำนวนมากรู้สึกไม่อาจทนได้อีกต่อไป
3. การแสดงท่าทีของนายตำรวจใหญ่ ที่มีต่อคดีนี้ เป็นไปในลักษณะที่ทำให้คนในสังคมคิดได้ว่าอาจจะเอื้อประโยชน์ต่อนายทุน ไม่ว่าการพยายามชี้ช่องจะเอาผิดทางวินัยต่อข้าราชการเล็กๆที่จับนายทุน หรือการตำหนิและลงโทษตำรวจระดับผู้น้อยในการแจ้งข้อกล่าวหาบางอย่างแก่นายทุน หรือ การรับไหว้อย่างนอบน้อมต่อนายทุน
คนทั่วไปเกิดความฉงนใจและแปลกใจอย่างเหลือล้นกับการปฏิบัติตัวน้อมน้อมกับผู้ถูกกล่าวหา และการพยายามให้ความเป็นธรรมแก่นายทุนมากเป็นพิเศษ เพราะสังคมแทบไม่เคยเห็นหรือรับรู้พฤติกรรมแบบนี้ของนายตำรวจใหญ่มาก่อนเลย อันที่จริงการให้ความเป็นธรรมแก่ผู้ถูกกล่าวหาที่ถูกจับกุมและแจ้งข้อกล่าวหาเป็นสิ่งที่ดี แต่ทว่าคำถามคือ คดีอื่นๆ ไม่ทราบว่านายตำรวจใหญ่ให้ความเป็นธรรมกับผู้ถูกกล่าวหาบ้างหรือไม่ เพราะประชาชนทั่วไปรู้สึกว่านายทุนคนนี้ได้รับความเป็นธรรมมากเป็นพิเศษ ชนิดที่คนสามัญทั่วไปไม่มีทางได้รับ บางคดีชาวบ้านธรรมดาแค่เข้าร่วมเหตุการณ์ชุมนุมทางการเมือง ก็ถูกตั้งข้อหาร่วมก่อการร้ายหรือกบฎก็มี แต่ไม่เห็นว่าจะมีนายตำรวจใหญ่คนใดเสนอหน้าให้ความเป็นธรรมแก่คนเหล่านั้นเลย คนจำนวนมากจึงรู้สึกรับไม่ได้กับพติกรรมของตำรวจใหญ่นายนี้ และแสดงออกโดยการต่อต้านอย่างชัดเจน
4. การออกมาปกป้องลูกน้องที่เป็นตำรวจใหญ่ของรองนายกฯผู้ที่อ้างว่าตนเองเป็นรัฎฐาธิปัตย์ ทั้งที่ตนเองก็ยังมีเรื่องนาฬิกายืมเพื่อน ที่ไม่อาจสร้างความกระจ่างแก่ประชาชนได้ ทำให้สังคมยิ่งเห็นความอัปลักษณ์ของเครือข่ายสายสัมพันธ์ที่แนบแน่นเพื่อคงความเป็นอภิสิทธิ์ชนในสังคมของกลุ่มผู้ครองอำนาจรัฐ ข้าราชการระดับสูง และนายทุนใหญ่ มากยิ่งขึ้น
5. ประชาชนจำนวนในสังคมไทยยุคนี้และอนาคต เปลี่ยนแปลงไปจากอดีตเป็นอย่างมาก พวกเขาไม่ยอมอดทนกับการกระทำที่ไม่ถูกต้องซึ่งบั่นทอนหลักธรรมาภิบาล การละเมิดกฎหมาย หรือการทำงานแบบแบบหน้าด้านๆ อย่างไม่แยแสผิดชอบชั่วดีของผู้ครองอำนาจรัฐ ข้าราชการระดับสูง และนายทุนใหญ่ อีกต่อไป
6. พลังของประชาชนเสือดำ อาจจะกลายเป็นพลังที่ขย้ำไตรภาคีแห่งอำนาจ (ฝ่ายนักการเมืองที่มีอดีตเป็นทหาร ฝ่ายข้าราชการประจำ และฝ่ายนายทุน) ที่ครอบงำสังคมไทยมายาวนานให้แตกกระจายเป็นเสี่ยงๆก็ได้