ตนจึงขอยกตัวอย่าง นายทหารที่ก่อเหตุความรุนแรงในห้างสรรพสินค้าในจังหวัดนครราชสีมา เมื่อพิจารณาต้นเหตุเกิดจากการถูกกดให้ต่ำ จนเขาลุกขึ้นมาทำในสิ่งที่ไม่ควรทำ สิ่งที่ตนกำลังจะบอกคือ คุณค่า การมองเห็นคุณค่าของมนุษย์ตรงหน้า คุณค่าความเป็นคนที่ทุกคนควรมองเห็นซึ่งกันและกัน การตีค่าให้คนไม่เท่ากัน ส่งผลต่อปัญหาทางสังคม เศรษฐกิจ วัฒนธรรม ฉุดรั้งการพัฒนาสังคมนั้นๆ หากการพัฒนาประเทศรวมถึงสังคมหรือแม้แต่องค์กรใดก็ตาม หากยังถูกปลูกฝังหลักคิดว่าคนไม่มีทางเท่ากัน ด้วยฐานะทางครอบครัว ที่มาของบุคคลนั้น องค์ประกอบภายนอกที่ถูกตีตราด้วยคติ สังคมนั้นไม่สามารถพัฒนาไปไหนได้เลย
ปัญหาที่ตนหยิบยกมาไม่ใช่เรื่องใหม่ แต่เป็นเรื่องที่จำเป็นต้องมีการแก้ไข หรือทำให้ดีขึ้นไม่มากก็น้อย การมองเห็นเพื่อนมนุษย์ที่เท่าเทียมกันโดยไม่วัดจาก สีผิว ฐานะทางการเงิน การศึกษา รูปร่างหน้าตา เพศสภาพ เพศกำเนิด แต่มองเห็นตัวตนของคน เพราะเขาคือคนเหมือนเรา ตนในฐานะตัวแทนของประชาชน อยากเสนอหรือทัศนคติเช่นนี้ แก้ไขได้ง่ายที่สุดหาก สถานศึกษาหรือโรงเรียน มีหลักสูตร “มองเห็นคุณค่าเพื่อน” ในช่วงเวลานี้เป็นโอกาสที่ดีเพราะเราได้เรียนรู้เรื่องวิถีใหม่ของสังคมและการใช้ชีวิตในหลายมิติ ซึ่งการเริ่มต้นบรรจุหลักสูตร วิชาคุณค่าเพื่อนมนุษย์น่าจะเป็นการเริ่มต้นที่ดีที่จะทำให้ การมองเห็นคุณค่าของผู้อื่นถูกพูดถึงและตระหนักในการใช้ชีวิตไม่น้อยไปว่าความรู้ทฤษฎีวิชาการ ซึ่งหากกระทรวงศึกษาธิการและกระทรวงวัฒนธรรม รวมถึงกระทรวงสาธารณะสุข ตกผลึกและบรรจุหลักสูตรนี้ลงไป เพื่อปลูกฝังและสื่อสารในทุกระดับการศึกษาได้
ทั้งนี้ธัญวัจน์กล่าวว่า ตนเชื่อว่าประเทศไทยจะพ้นวังวนประเทศกำลังพัฒนาไปได้ ซึ่งก่อนพัฒนาอะไร เราควรพัฒนาจิตใจคนไปพร้อมกันร่วมกันสร้างประเทศไทยก้าวไปสู่วิถีใหม่ยกระดับจิตใจมนุษย์พร้อมกัน