เมื่อวันที่ 1 มิถุนายน ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ(ตร.) นายอัจฉริยะ วิโรจน์สุโนบล หรือ เจ้าแม็กซ์ อัจฉริยะ อำนาจมวยไทยยิม อดีตแชมป์สภามวยแห่งเอเชีย (WBC เอเชีย) รุ่นซูเปอร์ไลท์เวท พร้อมด้วยครอบครัว และ นายวรกร พงศ์ธนากุล ทนายความ เดินทางเข้าร้องขอความเป็นธรรมกับพล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) โดยมี พ.ต.อ.ชุมวร ชมะทัต รอง ผบก.อต. เวรอำนวยการ เป็นผู้รับมอบหนังสือ และเอกสารหลักฐานต่างๆ เพื่อเสนอให้ผู้บังคับบัญชาที่เกี่ยวข้องตามขั้นตอน

โดยนายอัจฉริยะ เปิดเผยว่า ตนเองยืนยันความบริสุทธิ์ใจ ว่าไม่ได้เกี่ยวข้องกับขบวนการค้ายาเสพติดหรือการกระทำความผิดใด ๆ แต่กลับถูก ชุดจับกุม สภ.เมืองระนอง ดำเนินคดีข้อหา ร่วมกันมียาเสพติดประเภทที่ 1 (ยาบ้า) ไว้เพื่อจำหน่าย จำนวน 3 ล้านเม็ด มีผู้ต้องหารวม 10 คน จนถูกควบคุมตัวที่สนามบินดอนเมือง ระหว่างเดินทางไปเตรียมชกมวยชิงแชมป์ WBC ที่ประเทศญี่ปุ่น ซึ่งขณะถูกดำเนินคดี ตนเองติดติดคุก นานถึง 14 เดือน ก่อนที่ศาลชั้นต้นจะพิพากษายกฟ้องเมื่อเดือนธันวาคม 2562 แต่ถูกขังไว้ระหว่างอุทธรณ์ ต่อมาอัยการไม่อุทธรณ์ จึงได้รับการปล่อยตัวเมื่อวันที่ 27 พฤษภาคม 2563 ที่ผ่านมา

ทั้งนี้ระหว่างถูกคุมขัง ตนเองถูกตีตรวน ทำให้สูญเสียอิสรภาพ ต้องรับประทานยาทุกวัน ต้องใช้ธรรมะข่มจิตใจ และใช้เวลาว่างในเรือนจำไปกับการวาดภาพ และต้องหมดอนาคตด้านอาชีพ โดยถูกยึดคืนเข็มขัดแชมป์WBC เอเชีย ซึ่งการถูกดำเนินคดีครั้งนี้ ตำรวจชุดจับกุม มีเพียงหลักฐานที่มีชื่อตนเองเป็นเจ้าของรถ ที่เกี่ยวข้องกับขบวนการค้ายาเสพติด แต่ไม่มีหลักฐานอื่น ๆ ประกอบว่าตนเองเข้าไปร่วมกระทำความผิดจริง โดยรถที่พบ เป็นรถของตนเองจริง แต่ได้มีการซื้อขายโดยการโอนลอย ไปตั้งแต่ปี 2558 ก่อนที่จะมาเกิดเหตุในปี 2561 โดยภายหลังตนเองสามารถนำหลักฐานมายืนยันจนศาลยกฟ้อง เช่น สามารถระบุวันเวลาสถานที่ที่ตนอยู่ในช่วงเกิดเหตุ ได้ว่าตนเองอยู่ที่จ.นครปฐม แต่สถานที่เกิดเหตุอยู่ที่จ.ระนอง อีกทั้ง ตำรวจได้นำจำเลยทั้ง 8 คนมาชี้ตัว ขณะที่อยู่ในเรือนจำ ปรากฎว่าทั้งหมด ยืนยันว่าไม่เคยรู้จักกับตนเองมาก่อน

สำหรับรถฮอนด้าซีวิค ทะเบียน กค 7030 ชัยภูมิ ซึ่งเป็นรถของกลาง นายอัจฉริยะ ได้มีการขายต่อให้กับรุ่นพี่นักมวยเมื่อปี 2558 จากนั้นรุ่นพี่ก็ได้ขายต่อให้เต๊นรถที่จ.นครปฐม ก่อนที่เต๊นรถจะขายต่อให้กับผู้ต้องหาคดียาเสพติด เมื่อปี 2561 จึงมีการขยายผลมาจับกุมนายอัจฉริยะ เนื่องจากมีชื่อเป็นเจ้าของรถหลังจากที่มีการโอนลอยมาโดยตลอด

อย่างไรก็ตาม การออกมาเรียกร้องขอความเป็นธรรมดังกล่าว ตนเองยืนยันว่าไม่รู้สึกเกรงกลัวแม้คู่กรณีจะเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ เพราะมั่นใจในความบริสุทธิ์ นอกจากนี้ยังขอฝากเตือนประชาชนว่า ไม่ควรซื้อรถในลักษณะที่เป็นการโอนลอยเพราะอาจจะทำให้เกิดปัญหาภายหลัง เช่นเดียวกับตนเอง อีกทั้งยอมรับว่า หลังออกจากคุก ตนเองยังไม่สามารถกลับมาใช้ชีวิตตามปกติได้ เนื่องจากสังคมมองว่าเคยเป็นคนต้องโทษ แต่ตนเองก็จะพยายามกลับมาฝึกซ้อมเพื่อชกมวยต่อไปในอนาคต