ที่กองบังคับการปราบปราม นายรณณรงค์ แก้วเพ็ชร์ ทนายความ พร้อม ผู้เสียหายกว่า 100 คน เดินทางเข้าแจ้งความร้องทุกข์กับ พ.ต.อ.สุวัฒน์ แสงนุ่ม รองผบก.ป. เพื่อเอาผิด น.ส.วรรณพา (สงวนนามสกุล) เจ้าของผลิตภัณฑ์ความงามหลายยี่ห้อ หลังถูกหลอกลวงให้ขายและลงทุนผลิตสินค้าไม่ได้คุณภาพ ทำให้เกิดความเสียหายกว่า 100 ล้านบาท โดยนำหลักฐานเป็นผลิตภัณฑ์สินค้า และเอกสารต่าง ๆ มามอบให้เจ้าหน้าที่เพื่อประกอบการพิจารณาคดี
นายรณณรงค์ เปิดเผยว่า ผู้เสียหายส่วนใหญ่เป็นผู้รับสินค้าโดยตรงจากบริษัทไปขายต่อให้กับลูกค้ารายย่อย ซึ่งทางบริษัทอ้างว่าสินค้าทุกตัวมีเลข อย.สามารถจำหน่ายได้ ต่อมาภายหลังมีผู้พบว่าเลข อย.ไม่ตรงกับเลขสินค้า ทำให้มีการตรวจสอบขยายผล พบว่าสินค้าส่วนใหญ่ถูกสวม อย. และ มีการใช้เลข อย.ผิดประเภท รวมถึงการอ้างสถานที่ตั้งผลิตโรงงานที่ไม่มีอยู่จริง
นายรณณรงค์ กล่าวต่อว่า นอกจากนี้ตนเองตั้งข้อสังเกตเกี่ยวกับสารประกอบว่าจะมีการใช้สารต้องห้ามทาง อย.รวมอยู่ด้วย หลังจากนี้จะให้อย.ตรวจสอบว่าเป็นวัตถุดิบที่ใช้ในผลิตภัณฑ์ต่างๆนั้นถูกต้องหรือไม่
“ส่วนในวันนี้จะแจ้งความในข้อหาฉ้อโกงประชาชน กับเจ้าของผลิตภัณฑ์และ ตัวแทนจำหน่าย โดยเมื่อวานทางบริษัทมีการเจรจาค่าเสียหายแต่ไม่สามารถตกลงได้ พร้อมปัดตอบคำถามเรื่องสินค้าผ่าน อย.หรือไม่ บอกเพียงว่าสามารถขายได้ และ ไม่มีกำหนดในการคืนเงินกับผู้เสียหาย” นายรณณรงค์ กล่าว
ด้าน นางสาวเกศกนก สนิทนาม 27 ปี หนึ่งในผู้เสียหาย ระบุว่า ตนเองได้รับความเสียหายกว่า 6 ล้านบาท ก่อนหน้านี้มีลูกค้าทักท่วงว่ามีการจดเลขทะเบียนถูกต้องหรือไม่ เมื่อตรวจสอบ ก็พบว่าเลขทะเบียนไม่ตรงกัน เนื่องจากกลัวลูกค้าจะเสียหายจึงยุติการผลิต จำหน่าย และได้ทวงถามไปยังผู้ผลิต แต่ทางผู้ผลิตอ้างให้เซ็นสัญญาที่ไม่เปิดเผยรายละเอียด เพื่อรับเงินคืน แต่เนื่องจากไม่ไว้วางใจจึงไม่ดำเนินการเซ็น จึงรวมผู้เสียหายมาแจ้งความดำเนินคดีกับเจ้าของบริษัทวันนี้
แต่ทั้งนี้ หนึ่งในผู้บริหารผลิตภัณฑ์ที่ถูกกล่าวหา เปิดว่าเผย ขอยืนยันว่าสินค้าของบริษัทถูกต้องตามมาตราฐานอย. แต่เนื่องจากความผิดพลาดของบรรจุภัณฑ์จึงทำให้เกิดความสงสัยกับผู้บริโภค นอกจากนี้ทางบริษัทยังถูกเพจเฟซบุ๊คเพจหนึ่งเขียนโจมตีทำลายให้เกิดความเสียหาย อย่างไรก็ดีทางบริษัทได้ตรวจสอบเพจดังกล่าวแล้วพบว่าผู้ก่อตั้งเพจเคยเป็นคู่ค้ารายใหญ่กับทางบริษัทที่ขัดแย้งกันส่วนตัวจึงไปก่อตั้งเพจดังกล่าวมาโจมตี โดยขณะนี้ทางบริษัทได้แจ้งความไว้กับเจ้าหน้าที่ตำรวจกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยีแล้ว ซึ่งอยู่ในระหว่างการดำเนินคดี
เบื้องต้นทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้สอบปากคำผู้เสียหาย พร้อมตรวจสอบหลักฐานต่าง ๆ เพื่อส่งให้ผู้บังคับบัญชาพิจารณาต่อไป