กองบังคับการปราบปราม โดยการอำนวยการสั่งการของ พล.ต.ต.จิรภพ ภูริเดช ผบก.ป. สั่งการให้ พ.ต.อ.เนติ วงษ์กุหลาบ ผกก.5 บก.ป., พ.ต.ท.สุพจน์ พุ่มแหยม, พ.ต.ท.ภูวนนท์ สมัครไทย รอง ผกก.5 บก.ป., พ.ต.ต.ณัฐวุฒิ มงคลการ สว.กก.5 บก.ป., พร้อมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ กก. 5 บก.ป.
ได้ร่วมกันจับกุมตัว นายรัติพันธ์ หรือไนท์ (สงวนนามสกุล) อายุ 24 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับของศาลอาญามีนบุรี ที่ จ.366/2563 ลงวันที่ 30 เมษายน 2563 กระทำผิดฐาน “ข่มขืนกระทำชำเราผู้อื่นโดยใช้กำลังประทุษร้าย โดยบันทึกภาพและเสียงการข่มขืนกระทำชำเรานั้นไว้เพื่อแสวงหาผลประโดยมิชอบสำหรับตนเอง หรือผู้อื่น และเผยแพร่หรือส่งต่อภาพ หรือเสียงการข่มขืนกระทำชำเราที่บันทึกไว้, เข้าถึงโดยมิชอบซึ่งระบบคอมพิวเตอร์ที่มีมาตรการป้องกันการเข้าถึงโดยเฉพาะ และมาตรการนั้นมิได้มีไว้สำหรับตน และนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ใดๆ ที่มีลักษณะอันลามก และข้อมูลคอมพิวเตอร์นั้นประชาชนทั่วไปอาจเข้าถึงได้”
สถานที่จับกุม บ้านพักคนงานภายในวัดแห่งหนึ่ง ในตำบลทับใต้ อำเภอหัวหิน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เมื่อวันที่ 10 พฤภาคม 2563 เวลาประมาณ 13.10 น.
พฤติการณ์กล่าวคือ ก่อนเกิดเหตุ นายไนท์ (ผู้ต้องหา) ได้คบหากับนางสาวมายด์ (ผู้เสียหาย) อายุ 19 ปี โดยเป็นแฟนกันมานานกว่า 2 เดือน ซึ่งภายหลัง นางสาวมายด์ฯ ต้องการจะบอกเลิกผู้ต้องหา จนกระทั่งวันที่ 27 กุมภาพันธ์ 2563 ทั้งคู่ได้นัดมาพูดคุยปรับความเข้าใจกัน แต่เนื่องจากฝ่ายหญิงจับได้ว่าฝ่ายชายมีผู้หญิงอื่น จึงประสงค์จะบอกเลิกแล้วขอแยกทางกัน แต่ปรากฎว่านายไนท์ฯ เกิดความไม่พอใจ จึงได้ใช้กำลังบังคับข่มขืนฝ่ายหญิงจนสำเร็จความใคร่ และระหว่างนั้นนายไนท์ฯ ได้นำโทรศัพท์มือถือของตนขึ้นมาบันทึกคลิปวีดีโอขณะกำลังมีเพศสัมพันธ์เก็บเอาไว้ จากนั้นวันที่ 2 มีนาคม 2563 นายไนท์ฯ นำคลิปดังกล่าวโพสต์ลงเฟสบุ๊คส์ของนางสาวมายด์ฯ เพื่อประจาน ทำให้ฝ่ายหญิงได้รับความอับอายเป็นอย่างยิ่ง จึงมาร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวน สน.บางชัน เพื่อดำเนินคดีกับนายไนท์ต่อไป ภายหลังพนักงานสอบสวนได้รวบรวมพยานหลักฐานยื่นคำร้องขอออกหมายจับต่อศาลอาญามีนบุรี ตามหมายจับศาลอาญามีนบุรีที่ จ.366/2563 ลง 30 เม.ย. 2563
ต่อมา เจ้าหน้าที่ตำรวจกองกำกับการ 5 กองบังคับการปราบปราม สืบทราบว่า ภายหลังที่ผู้ต้องหาก่อเหตุ ได้หลบหนีจากจังหวัดกรุงเทพฯ ไปกบดานอยู่ในพื้นที่จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมจึงได้ลงพื้นที่สืบสวนหาข่าวจนกระทั่งทราบว่าผู้ต้องหาได้หลบหนีมารับจ้างทำงานก่อสร้าง ในตำบลทับใต้ อำเภอหัวหิน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ จึงนำกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าจับกุมผู้ต้องหาเพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
จากการสอบถามผู้ต้องหาให้การรับสารภาพว่าได้ถ่ายคลิปประจานในโซเชียลจริง แต่ไม่ได้ข่มขืน