8 พค.63 กองบังคับการปราบปราม ภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.ต.จิรภพ ภูริเดช ผบก.ป., พ.ต.อ.สมควร พึ่งทรัพย์ รอง ผบก.ป, พ.ต.อ.เนติ วงษ์กุหลาบ ผกก.5 บก.ป., พ.ต.ท.สุพจน์ พุ่มแหยม, พ.ต.ท.อนุชา ศรีสำโรง, พ.ต.ท.ธนวัฒน์
หิ้นยกฮิ่น, พ.ต.ท.ภูวนนท์ สมัครไทย รอง ผกก.5 บก.ป.
ได้ร่วมกันจับกุม นายวิเชียร (นามสมมุติ) อายุ 50 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดนครปฐม ที่ 1087/2547 ลงวันที่ 2 ตุลาคม 2547 ซึ่งต้องหาว่ากระทำความผิดฐาน “พรากผู้เยาว์อายุกว่าสิบห้าปี แต่ยังไม่เกินสิบแปดปี ไปเสียจากบิดามารดาเพื่อการอนาจารโดยผู้เยาว์เต็มใจไปด้วยก็ตาม, ข่มขืนกระทำชำเราหญิงอื่นซึ่งมิใช้ภรรยาตนโดยใช้กำลังประทุษร้าย”
นายวิเชียร (นามสมมุติ) ผู้ต้องหาซึ่งมีศักดิ์เป็นน้าเขย ได้ใช้กำลังข่มขืนนางสาวเอ (นามสมมุติ) มาเป็นเวลานานกว่า 2 ปี ตั้งแต่ปี 2544 – 2546 โดยบ้านพักของนายวิเชียร์ฯ อยู่ใกล้กับบ้านพักนางสาวเอ และพ่อแม่ของนางสาวเอ กับภรรยานายวิเชียรฯ จะทำงานรับจ้างเข็นผักในตลาดสดเทศบาลเมืองนครปฐมด้วยกัน ซึ่งจะต้องออกไปทำงานตั้งแต่กลางดึกถึงช่วงสาย จึงทำให้นางสาวเอ นอนอยู่บ้านพักเพียงลำพัง นายวิเชียรฯ จึงสบโอกาสดังกล่าว เข้ามาใช้กำลังบังคับข่มขืนนางสาวเอ แล้วข่มขู่ว่าห้ามไปบอกใคร ไม่เช่นนั้นจะฆ่าให้ตาย นางสาวเอ เกิดความกลัวจึงไม่กล้าเล่าให้ผู้ปกครองฟัง นายวิเชียรฯ จึงย่ามใจ เมื่อไม่มีใครอยู่บ้านก็จะบังคับให้นางสาวเอ มาหาที่บ้านพักและใช้กำลังข่มขืนเรื่อยมา จนกระทั่งผู้ปกครองของนางสาวเอ สังเกตว่าบุตรสาวมีอาการเซื่องซึม ไม่ร่าเริงเหมือนปกติ จึงสอบถามจนทราบเรื่องดังกล่าว และพาบุตรสาวเข้าแจ้งความต่อพนักงานสอบสวนเพื่อให้ดำเนินคดีกับ นายวิเชียรฯ ต่อมาพนักงานสอบสวนจึงได้รวบรวมพยานหลักฐานขออนุศาลเพื่อออกหมายจับผู้ต้องหา
จนกระทั่งวันที่ 7 พฤษภาคม 2563 เจ้าหน้าที่ตำรวจ กองกำกับการ 5 กองบังการปราบปราม ได้สืบสวนทราบว่า นายวิเชียรฯ แอบกลับมาเปิดร้านซ่อมรถจักรยานยนต์ ที่บ้านพักตนเอง ที่ อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี จึงได้มาตรวจสอบ และพบนายวิเชียรฯ กำลังซ่อมรถจักรยานยนต์ให้กับลูกค้า จึงเข้าจับกุม นำตัวส่งพนักงานสอบสวนเพื่อดำเนินคดีต่อไป
สอบถามนายวิเชียรฯ ให้การรับสารภาพ ว่าก่อนเกิดเหตุตนเองไปนั่งดื่มเหล้าที่บ้านพักของนางสาวเอ และได้พูดหยอกล้อกับนางสาวเอ จนแม่ของนาวสาวเอ ไม่พอใจและต่อว่าตนเอง ตนเองจึงเก็บความแค้นใจที่ถูกต่อว่าไว้ในใจ เมื่อสบโอกาสจึงแอบเข้าไปใช้กำลังบังคับข่มขืนนางสาวเอ และข่มขู่ไว้ว่าห้ามบอกใคร จนกระทั่งทราบว่าถูกพ่อแม่นางสาวเอ แจ้งความจึงหลบหนีไปทำงานตามจังหวัดต่างๆเรื่อยมา เป็นเวลากว่า 20 ปี และกลับมาเปิดร้านซ่อมรถจักรยานยนต์ที่บ้านพักจนกระทั่งถูกจับกุม