ทั้งนี้ ยังมีโครงการสินเชื่อเพื่อส่งเสริมการจ้างงาน จากกระทรวงแรงงาน โดยสำนักงานประกันสังคม เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายสำหรับดูแลลูกจ้างในช่วงที่หยุดกิจการชั่วคราว โดยสถานประกอบการที่มีหลักทรัพย์ค้ำประกัน จะได้รับอัตราดอกเบี้ย ร้อยละ 3 ต่อปี คงที่ 3 ปี ส่วนสถานประกอบการที่ไม่มีหลักทรัพย์ค้ำประกันหรือใช้บุคคลค้ำประกัน อัตราดอกเบี้ยจะอยู่ที่ร้อยละ 5 ต่อปี คงที่ 3 ปี โดยจะต้องเป็นสถานประกอบการที่ขึ้นทะเบียนกับสำนักงานประกันสังคมและจ่ายเงินสมทบเข้ากองทุนประกันสังคมมาแล้วไม่น้อยกว่า 3 เดือน และต้องรักษาการจ้างงานผู้ประกันตนไม่น้อยกว่าร้อยละ 80 ตลอดอายุโครงการ 3 ปี
นางดวงกมล ยังกล่าวว่า การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ได้ส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมอัญมณีและเครื่องประดับทั่วโลก ทำให้การส่งออกลดลงจากมาตรการล็อกดาวน์ในหลายประเทศทั่วโลก โดยเฉพาะประเทศที่เป็นตลาดหลักสำคัญ อย่างจีน ฮ่องกง ยุโรป และสหรัฐฯ ทำให้การส่งออกชะงัก และยังมีผลกระทบจากการไม่มีนักท่องเที่ยว ที่เป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่ส่งผลกระทบโดยตรงต่อผู้ประกอบการค้าปลีกในประเทศ จีไอทีจึงได้เข้ามาช่วยเหลือและหาทางเพิ่มสภาพคล่องให้กับผู้ประกอบการ เพราะประเมินว่าหากวิกฤตโควิด-19 คลี่คลาย หลายประเทศเริ่มคลายล็อกดาวน์ จะทำให้ตลาดมีความต้องการสินค้าอัญมณีและเครื่องประดับเพิ่มขึ้น และการส่งออกก็จะกลับมาฟื้นตัวได้
ปัจจุบันอุตสาหกรรมอัญมณีและเครื่องประดับไทย เป็นสินค้าสำคัญที่นำรายได้เข้าสู่ประเทศได้สูงเป็นอันดับ 2 เมื่อรวมกับมูลค่าการค้าภายในประเทศ ก่อให้เกิดเม็ดเงินถึงปีละเกือบ 1 ล้านล้านบาท มีผู้ประกอบการซึ่งส่วนมากเป็น SMEs อยู่ถึง 11,800 ราย ก่อให้เกิดการจ้างแรงงานกว่า 1 ล้านคน ตลอดห่วงโซ่อุปทาน อีกทั้งไทยยังเป็นฐานการผลิตสินค้าอัญมณีและเครื่องประดับ Luxury Brand ทั่วโลก ตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ