ศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจ ทีเอ็มบี หรือ TMB Analytics (ทีเอ็มบี อนาลิติกส์) เผยแพคเกจมาตรการเยี ยวยาผลกระทบโควิดชุดใหญ่เม็ดเงิ นกว่า 1 ล้านล้านบาท ช่วยยืดเงินใช้จ่ายของลูกจ้างที่ มีอยู่จาก 2 เดือน เป็น 8 เดือน ธุรกิจมีสภาพคล่องหมุนเวียนอยู่ ได้เพิ่มจาก 3 เดือน เป็น 5 เดือน สามารถประคองการจ้างงาน พร้อมจะฟื้นตัวได้เมื่อวิกฤตคลี่ คลาย
เรามอง Timeline ในช่วงรับมือโควิดเป็น 2 เฟส โดยเฟส 1: “หยุดเชื้อเพื่อชาติ” เพื่อให้ความเสียหายไม่ยืดเยื้อ ซึ่งสอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุ บันภายใต้พ.ร.ก.ฉุกเฉิ นการประกาศเคอร์ฟิว และการล็อกดาวน์ของจังหวัดต่างๆ ส่งผลกระทบต่อประชาชน ลูกจ้าง แรงงานราว 9 ล้านคนที่ต้องสูญรายได้ไป และภาคธุรกิจที่ต้องปิดกิจการชั่ วคราว เกิดปัญหาด้านสภาพคล่องตามมา ซึ่ง TMB Analytics คาดเฟสนี้กินเวลาประมาณ 3 เดือน (มี.ค.-พ.ค.) สำหรับเฟส 2: “ฟื้นตัวสู่ปกติ” เป็นช่วงหลังการแพร่ระบาดคลี่ คลาย (คาดตั้งแต่ มิ.ย.เป็นต้นไป) กิจกรรมทางเศรษฐกิจเริ่มทยอยกลั บมาฟื้นตัว
#หยุดเชื้อเพื่อชาติ บวกมาตรการเยียวยา ช่วยยืดเวลาให้ลูกจ้างและธุรกิ จประคองตัวอยู่รอด เมื่อกิจกรรมทางเศรษฐกิจและธุ รกิจหลายประเภทต้องหยุดกิจการชั่ วคราว ย่อมส่งผลกระทบต่อรายได้ของลู กจ้าง โดยเฉพาะกลุ่มที่ไม่อยู่ ในระบบประกันสังคม สอดคล้องกับการสำรวจของ TMB Customer Insight ในปี 2561 พบว่า 50% ของคนไทยที่มีอายุ 18-54 ปี หากเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝัน เช่น กรณีตกงานจะมีเงินเก็บสำหรั บการใช้จ่ายได้เฉลี่ย 2 เดือนเท่านั้น การมีมาตรการเยียวยาเร่งด่วนอั ดฉีดเงินในเฟสนี้เป็นความจำเป็ นอย่างยิ่งที่ช่วยต่อเวลาออกไป ซึ่งล่าสุด มาตรการใส่เงินชดเชยรายได้ 5 พันบาทต่อเดือนได้ขยายเวลาช่ วยเหลือเป็น 6 เดือน ซึ่งจะครอบคลุมลูกจ้าง แรงงานราว 9 ล้านคน คิดเป็นเม็ดเงินราว 2.7 แสนล้านบาท จะช่วยเยียวยาให้ผ่านพ้นช่วงวิ กฤติในช่วง #หยุดเชื้อเพื่อชาติ ซึ่งหากนับการเพิ่มสภาพคล่องให้ โดยการให้สินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ วงเงินรายละไม่เกิน 1-5 หมื่นบาท บวกกับมาตรการลดภาระค่าใช้จ่ ายทั้งหลาย จะช่วยลดผลกระทบที่ลูกจ้ างและแรงงานได้รับในขณะนี้ ทั้งนี้ จากการประเมินเบื้องต้น มาตรการเยียวยาทั้งการให้เงิ นและการให้สินเชื่อจะทำให้มีเงิ นหมุนเวียนกลับมาราว 1.88 แสนล้านบาท หรือช่วยหนุนให้โตขึ้นได้ 2.3% ของการบริโภคภาคเอกชน
ในทำนองเดียวกัน เมื่อประเมินจากวงจรการดำเนินธุ รกิจ (Operating Cycle) พบว่าโดยทั่วไป SMEs จะมีสภาพคล่องรองรับเหตุการณ์ช็ อกต่างๆ ได้โดยเฉลี่ยที่ 3 เดือน ดังนั้น มาตรการช่วยเติมสภาพคล่อง โดยให้ซอล์ฟโลนแก่ธุรกิจ SME ซึ่งรวมมาตรการสินเชื่อทั้ง 3 ระยะที่ออกมาแล้ว วงเงินทั้งสิ้น 8 แสนล้านบาท คาดว่าจะช่วยยืดเวลาออกไปได้อีก 2 เดือน ทั้งนี้ เมื่อลงรายละเอียดถึงประเภทธุ รกิจได้รับผลกระทบจากมาตรการเข้ มข้นล็อกดาวน์จะตกอยู่กับกลุ่ มธุรกิจบริการมากสุด เนื่องจากมีสภาพคล่องเพี ยงพอจะรองรับเหตุการณ์ช็อกได้ เฉลี่ยอยู่ที่ 2 เดือน (มี.ค.-เม.ย.) ซึ่งได้แก่ ธุรกิจโรงแรม ร้านอาหาร บริการท่องเที่ยว สถานบันเทิง โรงหนัง ขนส่งผู้โดยสาร เป็นต้น รองลงมาเป็นกลุ่มอุตสาหกรรมที่ ระยะเวลาช็อกเฉลี่ยอยู่ที่ 4 เดือน (มี.ค.-มิ.ย.) ได้แก่ อุตสาหกรรมพลังงาน อุตสาหกรรมเหล็ก ยานยนต์และชิ้นส่วน เป็นต้น ขณะที่กลุ่มสินค้าอุปโภคบริ โภคที่มีความจำเป็นในชีวิ ตประจำวันจะได้รับผลกระทบน้ อยกว่า
คาดมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจมี ความจำเป็น หนุนกิจกรรมทางเศรษฐกิจฟื้นตั วได้เร็ว (มิ.ย.เป็นต้นไป) โดยเม็ดเงินในส่วนนี้ตามพ.ร.ก. กู้เงินจะอยู่ที่ 4 แสนล้านบาท และหากรัฐออกมาตรการการเงิ นและการคลังเพิ่มเติมอีก จะช่วยเร่งให้เศรษฐกิจฟื้นตั วเร็วขึ้น ได้แก่ มาตรการภาษีเพื่อกระตุ้นการใช้ จ่าย เช่น ท่องเที่ยวในประเทศ การบริโภคในประเทศ รวมไปถึงที่อยู่อาศัยและรถยนต์ การให้สินเชื่อเพื่อการฟื้นฟูกิ จการหรืออาชีพ มาตรการลดภาษีเงินได้ ขณะที่มาตรการเยียวยาที่ใช้ ในเฟส 1 มีความจำเป็นน้อยลง

