เมื่อวันที่ 9 เม.ย.ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ(ตร.) พล.ต.ท.ปิยะ อุทาโย โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ, พล.ต.ท.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร ผบช.ประจำ สนง.ผบ.ตร.พล.ต.ต.ปัญญา ปิ่นสุข รอง ผบก.ปอท.และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง ร่วมแถลงผลการดำเนินคดีเครือข่ายกักตุนหน้ากากอนามัยและปั่นป่วนราคา สินค้า ว่านับจากเริ่มปฏิบัติการมาตั้งแต่ 4 กุมภาพันธ์ จนถึง 8 เมษายน สามารถจับผู้กระทำผิดได้ 328 ราย แยกเป็นหน้าร้าน 238 ราย ร้านค้าออนไลน์ 77 ราย และยึดได้เฉพาะของกลางอีก 13 ราย ซึ่งในการจับผู้กระทำผิดเหล่านี้ รวมยึดของกลางหน้ากาอนามัย ได้ 2,587,578 ชิ้น เครื่องวัดอุณหภูมิ2,764 เครื่อง เลยแอลกอฮอล์ล้างมือ 80,500.6 ลิตร ชุดเครื่องตรวจ 55,048 ชิ้น รวมมูลค่า 71,959,665 บาท
พล.ต.ต.ปัญญา ปิ่นสุข รองปอท. ระบุ การสืบสวนสอบสวนขบวนการค้าหน้ากากอนามัย ขณะนี้นายพันธ์ยศ อัครอมรพงศ์ ถือเป็นรายใหญ่ และเกี่ยวข้องเชื่อมโยงกับ นายศรสุวีร์ หรือบอยและนายอานนท์วัฒน์ ที่มีพฤติการจัดหาซื้อ ขายหน้ากากอนามัย ซึ่งบุคคลเหล่านี้ ทำให้ ราคาหน้ากากอนามัยสูงเกินสมควร หรือ เป็นการกักตุนหน้ากากอนามัย ราคาสินค้าปั่นป่วน ตำรวจ ระบุ พฤติการณ์นายพันธ์ยศ ด้วยว่ามีชื่อจดทะเบียนในบริษัทไทยเฮลท์ อินเตอร์เนชันแนล (ประเทศไทย จำกัด) โดยการตรวจสอบพบว่า นายพันธ์ยศ จะนำเข้าหน้ากากอนามัยเข้ามาอย่างผิดกฎหมาย จากนั้นจะนำมาบรรจุใส่กล่อง ที่ตีพิมพ์ชื่อบริษัทของตัวเอง และวางแผนการขาย ด้วยการให้ผู้มีชื่อเสียง หรือคนใกล้ชิด อย่าง เช่นนายศรสุวีร์ หรือ บอย ที่กว่างขวางในวงการเมืองโพสต์โฆษณาสินค้าเพื่อ สร้างมูลค่า ส่วนการนำเข้สหน้ากากอนามัย มีข้อมูลว่านานพันธ์ยศ นำเข้าหน้ากากอนามัย จำนวน 513,300 ชิ้น ขายไป จำนวน 614,800 ชิ้น พบมีเงินหมุนเวียนไม่ต่ำกว่า 14,000,961 บาท ขณะที่นายศรสุวีย์ หรือบอย ที่โพสต์ขายหน้ากากอนามัย 200 ล้านชิ้น ได้ ถูกดำเนินคดีฐานนำเข้าข้อมูลอันเป็นเท็จเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ ไปก่อนหน้านี้ และตำรวจกำลังอยู่ระหว่างสรุปสำนวนส่งฟ้อง เช่นเดียวกับ นายอานนท์วัฒน์ วรเมธชยางกูร อดีตผู้สมัคร ส.ส.พรรคภราดรภาพ ที่ถูกตำรวจเข้าจับไปก่อนหน้านี้ ที่หน้าบริษัทแห่งหนึ่ง ย่านวังทองหลาง พร้อมหน้ากากอนามัย 100 กล่อง รวม 5,000 ชิ้น เมื่อวันที่ 31 มีนาคมที่ผ่านมาด้วยผลการสอบปากคำ ได้สารภาพ ว่ารับหน้ากากอนามัยมาจากนายพันธ์ยศ แล้วจัดจำหน่ายต่ออีกทอด เพื่อเอากำไรจากส่วนต่างราคา
รองผู้บังคับการ ปอท. ระบุด้วยว่า นายพันธ์ยศ ยัง มีความเชื่อมโยงกับกลุ่มผู้ต้ารายอื่นด้วย ซึ่งตำรวจ อยู่ระหว่างสืบสวนขยายผลเครือข่ายผู้ค้า แต่สำหรับ ตัวนายพันธ์ยศ ที่ถูกจับมาเมื่อวาน ขณะนี้พนักงานสอบสวน อนุญาตให้ประกันตัวขั่วคราวในขั้นสอบสวน เพราะไม่มีพฤติการณ์หลบหนี
นอกจากนี้ มีการระบุถึง กรณีเพจชื่อดัง แหม่ม โพธิ์ดำ โพสต์ข้อความที่เป็นการเผยแพร่ซ้ำในข้อความอันเป็นเท็จของนานศุรสุวีร์ ซึ่งเข้าข่าย มีความผิด ตาม พ.ร.บ.คิมพิวเตอร์ ด้วย ตำรวจอยู่ระหว่างสืบสวนว่า แหม่มโพธิ์ดำ คือใคร เพื่อเชิญตัวมาสอบสวน ข้อเท็จจริง
ในขณะเดียวกัน พล.ต.ท.ปิยะ อุทาโย เปิดเผยว่า ใกล้ถึงเทศกาลสงกรานต์ หรือ วันขึ้นปีใหม่ของไทย(รัฐบาลได้ประกาศเลื่อนออกไปแล้ว) เพื่อเป็นการป้องกันการแพร่ระบาดของโควิด-19 โดยรัฐบาลตลอดจนเจ้าหน้าที่ทางการแพทย์อยากให้ทุกคนอยู่บ้านเพื่อลดการแพร่ระบาด ซึ่งขณะนี้กระทรวงวัฒนธรรมได้ประกาศให้งดกิจกรรมหลายอย่าง เช่น การงดเดินทางกลับภูมิลำเนาไปอวยพรหาผู้หลักผู้ใหญ่ เพราะลดความเสี่ยงนำเชื้อไปแพร่ให้กับคนต่างจังหวัดโดยเฉพาะผู้สูงอายุ ,การงดกิจกรรมรดน้ำดำหัว ,การงดจำหน่ายสุรา และทราบว่าขณะนี้20-30จังหวัดประกาศงดจัดงานสงกรานต์แล้ว โดยเชื่อว่าหลายพื้นโดยเฉพาะถนนคนเดินต่างๆจะไม่มีการจัดงานสงกรานต์เช่นกัน เห็นว่าสิ่งที่ดีที่สุดคือการอยู่บ้านและจะถือว่าเป็นการลดการเกิดอุบัติเหตุด้วยซึ่งปัจจุบันเราสามารถทำบุญหรืออวยพรผ่านมือถือได้
ส่วนกรณีบางคนอ้างว่าไม่ได้เดินทาง แต่นำถังน้ำตั้งสาดน้ำบริเวณหน้าบ้านตัวเอง ถือมีความผิด เนื่องจากอยู่ในช่วงการประกาศใช้พ.ร.ก.ฉุกเฉิน มีข้อบังคับหรือข้อกำหนดหลายอย่าง หนึ่งในนั้นคือการไม่มั่วสุมในสถานที่ใดๆ ที่อาจจะแพร่เชื้อได้ การเล่นน้ำเช่นนี้ อาจเป็นการแพร่เชื้อได้ แม้จะไม่ได้อยู่ในช่วงเวลาเคอร์ฟิวส์ก็ตาม
โฆษก ตร.กล่าวด้วยว่า ในส่วนของเจ้าหน้าที่ตำรวจยังมีการตั้งด่านทั่วประเทศตามปกติ ซึ่งช่วงประกาศเคอร์ฟิวส์ 22.00-04.00น.ยังมีผลการจับกุมต่อเนื่อง โดยส่วนใหญ่มีอาการมึนเมาพูดจาไม่รู้เรื่อง จึงขอเตือนไปยังประชาชนให้ระมัดระวังดูแลตัวเอง และป้องกันการกระทำที่สุ่มเสี่ยงต่อการถูกจับกุม โดยเฉพาะการฝ่าฝืน พรก.ฉุกเฉินฯ