ทีเอ็มบี หรือ ธนาคารทหารไทย จำกัด (มหาชน) มีความยินดีที่จะแจ้งให้ทราบถึงการทำข้อตกลงร่วมเป็นพันธมิตรเชิงกลยุทธ์ด้านประกันชีวิตกับ บริษัท พรูเด็นเชียล ประกันชีวิต (ประเทศไทย) จำกัด หรือ พรูเด็นเชียล ประเทศไทย ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของกลุ่มพรูเด็นเชียล เป็นระยะเวลาขั้นต้น 15 ปี
ทั้งนี้ ภายหลังจากการรวมกิจการระหว่างทีเอ็มบีและธนาคารธนชาต จำกัด (มหาชน) บริษัท เอฟดับบลิวดี ประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) หรือ เอฟดับบลิวดี ซึ่งเป็นพันธมิตรประกันชีวิตปัจจุบันของทีเอ็มบี และบริษัท พรูเด็นเชียล ประกันชีวิต (ประเทศไทย) จำกัด หรือ พรูเด็นเชียล ประเทศไทย ซึ่งเป็นพันธมิตรปัจจุบันของธนาคารธนชาต จึงได้มีการเจรจาและบรรลุข้อตกลงร่วมกันในที่สุด โดยพรูเด็นเชียลได้ตกลงเข้าร่วมเป็นพันธมิตรเชิงกลยุทธ์ด้านประกันชีวิต หรือ แบงก์แอสชัวรันส์ กับทีเอ็มบี เพื่อเสนอขายผลิตภัณฑ์ประกันชีวิตผ่านช่องทางต่างๆ ของธนาคาร การทำข้อตกลงดังกล่าวถือเป็นการขยายความร่วมมือและต่อยอดความสำเร็จจากคู่พันธมิตรเดิมระหว่างพรูเด็นเชียลและธนาคารธนชาต โดยพรูเด็นเชียล ประเทศไทย ตั้งเป้านำเสนอผลิตภัณฑ์ประกันชีวิตที่ดีที่สุดให้กับลูกค้ากว่า 9 ล้านคนของทีเอ็มบีและธนาคารธนชาต และเชื่อว่าจะมีบทบาทสำคัญร่วมกับทีเอ็มบีในการให้บริการลูกค้า
นอกจากนี้ การร่วมเป็นพันธมิตรด้านแบงก์แอสชัวรันส์ยังช่วยตอกย้ำความสัมพันธ์และส่งเสริมความร่วมมือด้านกองทุนรวมระหว่าง ทีเอ็มบี และพรูเด็นเชียล ซึ่งปัจจุบันทั้งทีเอ็มบีและพรูเด็นเชียลต่างเป็นผู้ถือหุ้นใน บลจ.
ทีเอ็มบี (TMBAM Eastspring) และ บลจ.ธนชาต (Thanachart Fund Eastspring) ร่วมกัน ก่อให้เกิด Synergy หรือประโยชน์จากการผนึกกำลังทั้งด้านประกันและการลงทุน โดยจะช่วยให้ลูกค้าของทีเอ็มบีเข้าถึงบริการด้านประกันชีวิต สุขภาพ และการลงทุน ที่ยึดลูกค้าเป็นศูนย์กลาง ได้อย่างครอบคลุมมากยิ่งขึ้น และเพื่อเป็นการอำนวยความสะดวกให้กับลูกค้าของทั้งสองธนาคาร ในช่วงระยะเวลาสำหรับการเปลี่ยนผ่านการดำเนินงาน (Transition Period) ในปี 2563 นี้ ทีเอ็มบีจะยังคงขายผลิตภัณฑ์ประกันชีวิตของ เอฟดับบลิวดี ต่อไปจนถึงสิ้นปี และจะสามารถเริ่มนำเสนอผลิตภัณฑ์ประกันชีวิตของ พรูเด็นเชียล ประเทศไทย ผ่านช่องทางต่างๆ ได้ด้วยเช่นกัน โดยระยะเวลาสำหรับการเปลี่ยนผ่านการดำเนินงานนี้ เริ่มตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน – 31 ธันวาคม 2563 ในส่วนของธนาคารธนชาตก็จะยังคงขายผลิตภัณฑ์ประกันชีวิตของ พรูเด็นเชียล ประเทศไทย แต่เพียงรายเดียวต่อไปเช่นเดิม
ทั้งนี้ ทีเอ็มบีและธนาคารธนชาตต่างก็จะยังคงดูแลลูกค้าที่ถือกรมธรรม์ของทั้ง เอฟดับบลิวดีและพรูเด็นเชียล เช่นเดิม ด้วยเงื่อนไขและข้อตกลงตามที่ระบุไว้ในกรมธรรม์โดยไม่มีการเปลี่ยนแปลงใดๆ
ภายใต้ความร่วมมือใหม่นี้ ทีเอ็มบีจะรับรู้รายได้จากธุรกรรมที่พรูเด็นเชียลเข้าซื้อสิทธิตามสัญญาแบงก์แอสชัวรันส์ระหว่างทีเอ็มบีและเอฟดับบลิวดี เป็นจำนวน 1.3 พันล้านบาท ในปี 2563 และจะทยอยรับรู้รายได้จำนวนประมาณ 20.8 พันล้านบาท ตลอดอายุสัญญาขั้นต้นและช่วงเวลาสำหรับการเปลี่ยนผ่านการดำเนินงาน เริ่มตั้งแต่ 1 เมษายน 2563 และจะหยุดการทยอยรับรู้รายได้ที่เคยได้รับจาก เอฟดับบลิวดี ตามสัญญาแบงก์แอสชัวรันส์เดิม เริ่มตั้งแต่ 1 เมษายน 2563 โดยจะไม่มีผลกระทบต่อรายได้ที่ธนาคารฯ รับรู้จาก
เอฟดับบลิวดี ไปแล้วจำนวน 4.4 พันล้านบาท (ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2560 ถึง 31 มีนาคม 2563 ตามสัญญาฉบับปัจจุบัน)
นายปิติ ตัณฑเกษม ประธานเจ้าหน้าที่บริหารธนาคารทีเอ็มบี เปิดเผยว่า “ทีเอ็มบีมุ่งหวังที่จะยกระดับธุรกิจแบงก์แอสชัวรันส์ร่วมกันกับพรูเด็นเชียล ประเทศไทย ด้วยการนำเสนอผลิตภัณฑ์ประกันชีวิตในรูปแบบใหม่ๆ ให้กับลูกค้าทั่วประเทศ โดยหัวใจสำคัญของการจับมือร่วมเป็นพันธมิตรในครั้งนี้ คือ การมีเป้าหมายเดียวกันในการที่จะสร้างความแตกต่างให้กับชีวิตลูกค้า ด้วยการเข้าใจความต้องการที่แท้จริงและยกระดับชีวิตทางการเงินของลูกค้าให้ดีขึ้น (Financial Well-being) เพื่อสนับสนุนการเติบโตอย่างยั่งยืนของประเทศ นอกจากนี้ ขอขอบคุณ เอฟดับบลิวดี สำหรับการเป็นพันธมิตรที่แข็งแกร่งและนำเสนอผลิตภัณฑ์ร่วมกันตลอดหลายปีที่ผ่านมา ทั้งนี้ เอฟดับบลิวดีจะยังคงดูแลลูกค้าทีเอ็มบีที่เป็นผู้ถือประกันของเอฟดับบลิวดีอย่างดีต่อไป”
นายนิค นิแคนดรู ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร พรูเด็นเชียล คอร์ปอเรชัน เอเชีย กล่าวว่า “เรายินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้ร่วมเป็นพันธมิตรเชิงกลยุทธ์ด้านแบงก์แอสชัวรันส์ระยะยาวกับทีเอ็มบี ซึ่งจะช่วยส่งเสริมความสัมพันธ์และต่อยอดธุรกิจกองทุนรวมของเราในประเทศไทย โดยการจับมือกันในครั้งนี้จะเป็นการนำเอาความเข้าใจและการเข้าถึงลูกค้าในประเทศไทยของทีเอ็มบีผนวกกับเข้ากับความเชี่ยวชาญด้านประกันชีวิต สุขภาพและการออมของพรูเด็นเชียล เพื่อให้ลูกค้าไทยสามารถเข้าถึงผลิตภัณฑ์ประกันที่ดีที่สุดและตอบโจทย์ครอบคลุมทั้งเรื่องของการให้ความคุ้มครองครอบครัวและการสะสมความมั่งคั่งได้ด้วยดิจิทัลแพลตฟอร์มที่เติบโตและแพร่หลายอย่างรวดเร็ว และยังรู้สึกยินดีที่จะได้เป็นส่วนหนึ่งในการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมไทย ด้วยการลงทุนในตลาดทุนไทยและสร้างโอกาสในการจ้างงาน”
นายฮวิน ทัน ฟง ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มเอฟดับบลิวดี กล่าวว่า
“ผมขอขอบคุณทีเอ็มบีสำหรับความเป็นมืออาชีพและการสนับสนุนอย่างยาวนานตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา ซึ่งข้อตกลงที่ได้บรรลุร่วมกันในครั้งนี้กล่าวได้ว่ามีความลงตัวและเป็นประโยชน์ต่อทุกฝ่าย และที่สำคัญที่สุด ลูกค้าทีเอ็มบีก็จะยังคงได้รับความคุ้มครอง สิทธิประโยชน์ และบริการจากเราตามเงื่อนไขในกรมธรรม์เช่นเดิมไม่เปลี่ยนแปลง”