เมื่อวันที่ 21 ม.ค. 63 พล.ต.ต.จิรภพ ภูริเดช ผบก.ป. พ.ต.อ.มนตรี เทศขัน รอง ผบก.ป. พ.ต.อ.ธงชัย อยู่เกษ ผกก. 1 บก.ป. และ พ.ต.ท.อลงกต คชแก้ว รอง ผกก. 1 บก.ป. มอบหมายให้ พ.ต.ท.เจตนิพัทธ์ ศิริวัฒน์ สว.กก. 1 บก.ป. กับพวก จับกุมนายพร แสนกล้า อายุ 50 ปี อยู่บ้านเลขที่ 75 หมู่ที่ 4 ตำบลชุมแสง อำเภอจอมพระ จังหวัดสุรินทร์ ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดสุรินทร์ ที่ จ. 61/2562 ลง 18 เม.ย. 62 โดยกล่าวหาว่ากระทำความผิดฐาน พรากผู้เยาว์อายุกว่าสิบห้าปี แต่ยังไม่เกินสิบแปดปีไปเสียจากผู้ปกครอง เพื่อการอนาจาร โดยผู้เยาว์นั้นเต็มใจไปด้วย, พาบุคคลอายุกว่าสิบห้าปีแต่ไม่เกินสิบแปดปีขึ้นไปเพื่อการอนาจารโดยใช้อุบายหลอกลวง และกักขังผู้อื่น โดยจับกุมตัวได้ที่หน้าห้องเช่าเลขที่ 215/92 ถนนเดิมบาง ตำบลมหาชัย อำเภอเมืองสมุทรสาคร จังหวัดสมุทรสาคร

คดีดังกล่าว ผู้ต้องหาหลังถูกจับกุมให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา โดยให้การว่าตนเองเคยมีภรรยาแล้ว แต่หย่ากันมาร่วม 20 ปี แล้ว สาเหตุที่หย่าเพราะตนเองไปทำงานเป็นกุ๊กให้กับเรือประมงที่มหาชัย ไม่ได้กลับบ้านหลายปี บางครั้งนานถึง 40 เดือนเพราะเรือต้องออกไปหาปลายังน่านน้ำหลายประเทศเช่นอินโดนีเซีย มาเลเซีย สิงคโปร์ อิหร่าน เวียตนาม ฯลฯ เมียทนไม่ไหวเลยหนีไปอยู่กับคนอื่น ระหว่างอยู่กับเมียมีลูกชาย 1 คน เมื่อประมาณปลายปี 2561 ผู้ต้องหาลาออกจากงานเพราะไม่สามารถออกไปจับปลานอกน่านน้ำไทยได้ กลับมาที่หมู่บ้านถนน หมู่ที่ 4 ตำบลชุมแสง อำเภอจอมพระ จังหวัดสุรินทร์ ได้พบกับเด็กวัยรุ่นอายุประมาณ 15 ปี ชื่อ “เก๋” (นามสมมุติ) ขณะนั้นอยู่ระหว่างปิดเทอมยังไม่ได้เรียนต่อระดับ ม. 4 บ้านอยู่ห่างกัน 4 หลัง ถ้าจะนับญาติกันก็เป็นลูกสาวของหลาน ซึ่งเปรียบเสมือนเครือญาติกัน เข้ามา สนิทสนมกับผู้ต้องหา เรียกผู้ต้องหาว่า “ตา” มักจะชม้ายชายตาให้กับผู้ต้องหาเป็นประจำ ไปไหนมาไหนก็จะขอตามไปด้วย และมักจะถือวิสาสะมาหยิบยืมรถจักรยานยนต์ของผู้ต้องหาซึ่งมีอยู่ 2-3 คัน ไปใช้ประจำ มีพรรคพวกเคยเตือนว่าอย่าไปยุ่งกับเด็กมันนะ เพราะเด็กคนนี้เคยมีประวัติสมัยเรียนหนังสือเคยจับเด็กนักเรียนชายโรงเรียนเดียวกันมาหลายคนแล้ว แต่ผู้ต้องหาก็ไม่ได้ใส่ใจเพราะว่าตนเองไปทำงานต่างถิ่นมานาน ไม่รู้ความเป็นไปเรื่องของบ้านเกิด

วันเกิดเหตุประมาณต้นเดือน ม.ค. 62 ผู้ต้องหาพร้อมเพื่อน 4 คน ตั้งวงกินเหล้าอยู่ในหมู่บ้าน เพื่อเตรียมฉลองจะกลับมาหางานทำต่อที่จังหวัด หลังดื่มเสร็จต่างคนต่างแยกย้าย ช่วงหัวคำ น.ส.เก๋ มาหาที่บ้านบอกว่าหนียายมากลัวยายตี และได้ขึ้นไปบนบ้าน ผู้ต้องหารับว่าขณะนั้นตนเองมีอาการมึนเมา ประกอบกับหญิงดังกล่าวไม่ได้ขัดขืนจึงได้ร่วมหลับนอนด้วย กระทั่งเช้ายายของ น.ส.เก๋ มาตามหา พบตัวหลบอยู่ใต้เตียงจึงนำตัวกลับไปบ้าน หลังจากนั้นผู้ต้องหาก็ไม่ได้รับการติดต่อใด ๆ จากฝ่าย น.ส.เก๋ หรือผู้ปกครอง เพราะตนเองต้องไปทำงานหาเลี้ยงชีพ ย้ายที่ทำงานมาหลายที่ไม่ทราบว่าตนเองถูกออกหมายจับ กระทั่งวันที่ถูกจับกุมได้มาทำงานเป็นพนักงานรักษาความปลอดภัยกับบริษัทแห่งหนึ่งอยู่ที่ตำบลมหาชัย อำเภอเมืองสมุทรสาคร จังหวัดสมุทรสาคร และถูกจับกุมดังกล่าว ซึ่งผู้ต้องหารับว่าเหตุที่ได้เสียกับ น.ส.เก๋ ในคืนเกิดเหตุเนื่องจาก “เด็กมันยั่ว” รูปร่างอวบ ประกอบกับอาการมึนเมาด้วย หลังถูกจับกุมทางกองปราบปราม ได้ส่งตัวผู้ต้องหาไปดำเนินคดีที่ สภ.เมืองลีง จังหวัดสุรินทร์