ภายใต้การอำนวยการของตำรวจภูธรภาค 4 นำโดย พล.ต.ท.เจริญวิทย์ ศรีวนิชย์ ผบช.ภ.4 พร้อมด้วย พล.ต.ต.สมชาย นุ่มโต รอง ผบช.ภ.4,พล.ต.ต.พรหมณัฎฐเขต ฮามคำไพ รอง ผบช.ภ.4,พล.ต.ต.ยรรยง เวชโอสถ รอง ผบช.ภ.4 ตำรวจภูธรจังหวัดขอนแก่น นำโดย พล.ต.ต.พุฒิพงศ์ มุสิกูล ผบก.ภ.จ.ขอนแก่น,พ.ต.อ.โผนชัย ครองยุทธ,พ.ต.อ.นพเกล้า โสมนัส,พ.ต.อ.เด่นพงษ์ วรรณพงษ์ รอง ผบก.ภ. จ.ขอนแก่น สถานีตำรวจภูธรเมืองขอนแก่น นำโดย พ.ต.อ.ปรีชา เก่งสาริกิจ ผกก.สภ.เมืองขอนแก่น,พ.ต.ท.พีระฉัตร สาขา รอง ผกก.ป.สภ.เมืองขอนแก่น บูรณาการร่วมกับฝ่ายปกครองและฝ่ายทหาร โดยดร.สมศักดิ์ จังตระกุล ผวจ.ขอนแก่น,นายวินัย มีแก้ว ผอ.ศปส.ฯ,พล.ต.ปราโมทย์ นาคจันทึก ผบ.มทบ.23,พ.อ.คณธัช ชนะกาญจน์ รอง ผอ. รมน.จังหวัดขอนแก่น
สั่งการให้ พ.ต.ต.เมธี ศรีวันนา สวป.ฯ และ ร.ต.อ.สุระศักดิ์ สุขเสริม สว.สส. ปรก. สวปฯ พร้อมชุดปฏิบัติการปราบปรามยาเสพติด สภ.เมืองขอนแก่น,นายณชพัฒน์ ไกรศรีวรรธนะ เจ้าหน้าที่ปฎิบัติการด้านการข่าว กอ.รมน.จังหวัดขอนแก่น พร้อมชุด ปส.สภ.เมืองขอนแก่น ร่วมแถลงข่าวการจับกุม นายคาวี หรือเซียงหรือวี โยริพันธ์ อายุ 36 ปี ที่อยู่บ้านเลขที่ 43 หมู่ 8 บ.แจ้งนาคำ ต.กุดเชียงหมี อ.เลิงนกทา จ.ยโสธร พร้อมตรวจยึดของกลาง ยาบ้า จำนวน 22,200 เม็ด มูลค่าประมาณ 2,220,000 บาท,อาวุธปืนแบบประดิษฐ์ทำขึ้นมาเองไม่ทราบขนาด จำนวน 1 กระบอก มูลค่า 5,000 บาท,โทรศัพท์มือถือยี่ห้อ วีโว่ (VIVO) สีเลือดหมู พร้อมหมายเลขซิมการ์ด 062-9923106 จำนวน 1เครื่อง มูลค่า 15,000 บาท
ทำการตรวจยึดทรัพย์สินตาม พ.ร.บ. มาตรการในการปราบปรามยาเสพติดฯ ดังนี้ รถจักรยานยนต์ยี่ห้อฮอนด้าเวฟ ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน จำนวน 1 ค้น มูลค่า 40,000 บาท รวมทั้งยึดทรัพย์สิน มูลค่า 60,000 บาท ในข้อหา “มียาเสพติดให้โทษประเภท 1( ยาบ้า ) ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายโดยผิดกฎหมาย,เสพยาเสพติดให้โทษประเภท1 ( ยาบ้า ) โดยผิดกฎหมาย,เป็นผู้ขับขี่ยานพาหนะขณะมีสารเสพติดในร่างกาย และมีอาวุธปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต”
พฤติการณ์ในการจับกุม ก่อนเกิดเหตุเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดปราบปรามยาเสพติด สภ.เมืองขอนแก่น ได้ร่วมกันจับกุมตัวนายอนุศักดิ์ หรือตั้ม โคตตะ พร้อมกับยาบ้าของกลางจำนวน 30 เม็ด โดยจากการสอบถามขยาบผลเกี่ยวกับของกลางที่ตรวจยึดได้ นายอนุศักดิ์ หรือตั้มฯ ได้ให้ข้อมูลว่ายาบ้าดังกล่าวตนเองได้ซื้อมาจากนายวี(ขณะนั้นยังไม่ทราบชื่อ-สกุลจริง) ในราคาเม็ดละ 50 บาท และยังให้ข้อมูลต่อไปอีกว่านายวีฯ เป็นพนักงานทำงานอยู่ที่โรงน้ำแข็งธาราทิพย์ ที่เกิดเหตุ จากนั้นจึงได้รายงานให้พ.ต.อ.ปรีชา เก่งสาริกิจ ผกก.สภ.เมืองขอนแก่น และ พ.ต.ท.พีระฉัตร สาขา รอง ผกก.ป.สภ.เมืองขอนแก่น ได้รับทราบ โดย พ.ต.อ.ปรีชาฯ ได้สั่งการพร้อมกับมีการวางแผนให้ชุดจับกุมนำกำลังเพื่อไปขยายผลติดตามจับกุมนายวีฯ โดยให้ใช้ความระมัดระวังและให้รายงานผลการปฏิบัติให้ทราบเป็นระยะ
จากนั้นชุดจับกุมจึงได้เดินทางไปยังโรงงานน้ำแข็งที่เกิดเหตุฯ โดยได้ซุ่มรอดูอยู่ประมาณ 20 นาที จากนั้นได้พบว่ามีชายคนหนึ่งได้ขับขี่รถจักรยานยนต์ยี่ห้อฮอนด้าเวฟ สีดำ-น้ำเงิน ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน เข้ามาจอดบริเวณด้านหน้าห้องพักพนักงานภายในโรงงานน้ำแข็งฯ จากนั้นเจ้าหน้าที่ฯ ได้ให้นายอนุศักดิ์ หรือตั้มฯ ตรวจสอบดูว่าคือนายวีฯ หรือไม่ โดยนายอนุศักดิ์ หรือตั้มฯ ได้ให้การยืนยันว่า คือ นายคาวี หรือเซียงหรือวี โยริพันธ์ (ทราบชื่อ-สกุลจริงภายหลัง) จริง โดยเป็นบุคคลที่ขายยาบ้าให้กับนายอนุศักดิ์ หรือตั้มฯ จริง จากนั้นเจ้าหน้าที่ฯ จึงได้รายงานให้ พ.ต.อ.ปรีชาฯ ได้รับทราบ
โดย พ.ต.อ.ปรีชาฯ ได้สั่งการให้เข้าไปทำการตรวจค้นจับกุมได้ทันทีพร้อมกับได้เดินทางมาสมทบเพื่อทำการสอบสวนและตรวจค้นห้องพักร่วมกับเจ้าหน้าที่ฯ ชุดจับกุมด้วยตัวเอง ผลการตรวจค้นตัวนายคาวีฯ ปรากฏว่าพบ ยาบ้า จำนวน 1 ถุง มียาบ้า 200 เม็ด ซุกซ่อนอยู่ในกระเป๋ากางเกงด้านหน้าทางขวามือตัวที่ผู้ถูกจับสวมใสในขณะตรวจค้นจับกุม และจากการเข้าไปตรวจค้นห้องพักของนายคาวีฯ ปรากฏว่าพบกระสอบปุ๋ยสีเขียววางซุกซ่อนอยู่บริเวณกองเสื้อผ้า จากการเปิดกระสอบปุ๋ยเพื่อตรวจสอบปรากฏว่าพบยาบ้ามีการห่อไว้จำนวน 4 ห่อ โดยมียาบ้าอยู่ภายในจำนวน 22,000 เม็ด และพบอาวุธปืนแบบประดิษฐ์ทำขึ้นมาเองไม่ทราบขนาด จำนวน 1 กระบอก วางอยู่บนที่นอนภายในห้องที่เกิดเหตุ
จากการสอบถามทราบว่ายาบ้าทั้งหมดเมื่อวันที่ 13 มกราคม 2563 ที่ผ่านมาได้มีนายเต๋า จากการสืบสวนและได้ตรวจสอบทางทะเบียนราษฏร์ปรากฏว่า คือ นายสิงห์ขร ศรีใส เพื่อนรุ่นน้องที่เคยทำงานอยู่ด้วยกันที่โรงน้ำแข็งที่เกิดเหตุ เป็นผู้โทรศัพท์ติดต่อพูดคุยว่าจ้างให้ตนเองไปเก็บรับยาบ้าที่จะมีผู้มาวางไว้ให้อยู่บริเวณหลักกิโลเมตรที่ 9 ถนนสายขอนแก่น-เชียงยืน (ขาเข้าตัวเมืองขอนแก่น) จำนวน 1 กระสอบ มี 21 มัด แต่ละมัดมียาบ้า 2,000 เม็ด รวมยาบ้าทั้งหมด 42,000 เม็ด โดยได้ค่าจ้างในการไปเก็บรับยาบ้าในราคา 30,000 บาท จากนายสิงห์ขรฯ จากนั้นเมื่อเก็บรับมาแล้วได้นำยาบ้ามาเก็บมาไว้ที่ห้องพักของตนจำนวน 11 มัด (มียาบ้า 22,000 เม็ด) และอีก 11 มัด(มียาบ้า 22,000 เม็ด) ได้นำไปให้กับนายสิงห์ขรฯ ที่บ้านพักของนายสิงห์ขรฯ ซึ่งตั้งอยู่ภายในหมู่บ้านทองหลาง ต.บ้านหว้า อ.เมือง จ.ขอนแก่น
โดยนอกจากการไปเก็บรับยาบ้ามาในครั้งนี้ผู้ต้องหายังมีหน้าที่กระจายยาบ้าส่งขายให้ลูกค้าในเขตพื้นที่ อ.เมือง (เน้นพื้นที่โซน ต.บ้านเป็ด) อ.น้ำพอง อ.กระนวน และยาบ้าอีกส่วนหนึ่งที่อยู่กับนายสิงห์ขรฯ โดยนายสิงห์ขรฯ มีหน้าที่กระจายยาบ้าส่งขายให้ลูกค้าในเขตพื้นที่ อ.มัญจาคีรี อ.พระยืน อ.พล โดยเป็นการแบ่งโซนในการกระจ่ายยาบ้าเพื่อขายให้กับลูกค้า จากนั้นตามวันเวลาที่เกิดเหตุ ขณะที่ผู้ต้องหาขับขี่รถจักรยานยนต์เพื่อเข้ามาทำงานภายในโรงงานฯ จึงมาถูกเจ้าหน้าที่ฯ ตรวจค้นจับกุมได้พร้อมของกลาง ดังกล่าว จากนั้นเมื่อทำการขยายผลเครือข่ายยาเสพติดจนเสร็จสิ้น ได้ถ่ายภาพ ทำประวัติ และทำบันทึกจับกุม และได้ควบคุมตัวพร้อมของกลางนำส่งพนักงานสอบสวน สภ.เมืองขอนแก่น เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
จากการสอบสวนขยายผลผู้ต้องหาพร้อมกับได้ตรวจสอบข้อมูลการใช้โทรศัพท์มือถือปรากฏว่า ผู้ต้องหามีการไปเก็บรับยาบ้ามาจำนวนทั้งหมด 7 ห่อใหญ่ มียาบ้า 21 มัด(มัดละ 2,000 เม็ด) รวมยาบ้าทั้งหมด 42,000 เม็ด โดยมีการกระจ่ายขายในเขตพื้นที่จังหวัดขอนแก่น รวมพื้นที่ทั้งหมด 7 อำเภอ ได้แก่ อ.เมือง(เน้นพื้นที่โซน ต.บ้านเป็ด) อ.มัญจาคีรี อ.พระยืน อ.แวงน้อย อ.พล อ.น้ำพอง อ.กระนวน และส่งขายให้กับลูกค้ารายย่อยอื่นๆ อีกจำนวนมาก จึงได้แจ้งข้อกล่าวหาพร้อมนำตัวส่งพนักงานสอบสวนดำเนินคดีต่อไป