เมื่อวันที่3 ม.ค.63ที่กองกำกับการ3กองบังคับการตำรวจท่องเที่ยว1 ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ จ.สมุทรปราการ
พล.ต.ท.เชษฐา โกมลวรรธนะ ผบช.ทท.พล.ต.ต.คัชชา ธาตุศาสตร์ รอง ผบช.ทท. นายกิตติพงศ์ กิตติขจร รองผู้อำนายการ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ สายปฏิบัติการ 1พล.ต.ต.วรพงษ์ ทองไพบูลย์ ผบก.ทท.1 ได้ร่วมกันแถลงข่าวจับกุมตัว นาย ทาเคอูชิ ฮิโรกิ (MR.TAKEUCHI HIROKI) อายุ 56 ปี สัญชาติญี่ปุ่น ข้อหา ลักทรัพย์ในท่าอากาศยานในเวลากลางคืนหรือรับของโจร
เหตุคดีดังกล่าว ในวันที่ 1 ม.ค.63 เวลาประมาณ 22.20 น. มีผู้เสียหายมาแจ้งกับเจ้าหน้าที่ตำรวจท่องเที่ยวท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ว่าตนได้ทำกระเป๋าสะพายข้างแบบผ้าสีขาวหายไปภายใน ศูนย์อาหาร เมจิก ฟู้ด ชั้นที่ 1 ประตู 8 อาคารผู้โดยสาร ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ซึ่งภายในมีกระเป๋า มีหนังสือเดินทาง 2 ฉบับกระเป๋าสตางค์สีขาวพร้อมเงินสกุลเกาหลี จำนวน 80,000 วอน (หรือเป็นเงินไทยประมาณ 2087.62 บาท) เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนจับกุมจึงได้ตรวจสอบกล้องวงจรปิดบริเวณที่เกิดเหตุดังกล่าว พบชายต้องสงสัยใส่เสื้อแขนสั้นสีเทา กางเกงยีนส์ขายาว รองเท้าสีขาว ได้หยิบเอากระเป๋าสะพายข้างแบบผ้า สีขาวของผู้เสียหายไป เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนจับกุมจึงได้กระจายกำลังออกติดตามผู้ต้องหา กระทั่งต่อมา เมื่อวันที่ 2 ม.ค.63 เวลาประมาณ 04.30น. ซึ่งเป็นเวลาไม่นานจากขณะเกิดเหตุ พบชายต้องสงสัยลักษณะรูปพรรณตรงตามภาพกล้องวงจรปิด ซึ่งเชื่อได้ว่าเป็นคนเดียวกันกับผู้ต้องหา อยู่ที่บริเวณ ชั้น 1 ประตู 8 ด้านนอกอาคารผู้โดยสาร ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ จึงได้เชิญตัว มาที่กองกำกับการ 3 กองบังคับการตำรวจท่องเที่ยว 1 เพื่อทำการสอบถาม จึงทราบว่าชื่อ นายทาเคอูชิ ฮิโรกิ (MR.TAKEUCHI HIROKI) และนายทาเคอูชิฯ ให้การรับสารภาพว่าตนเป็นบุคคลตามภาพกล้องวงจรปิดซึ่งได้หยิบกระเป๋าใบดังกล่าวไปจริง แต่จำไม่ได้ว่านำกระเป๋าสะพายข้างสีขาวของผู้เสียหายที่ตนหยิบไปนั้นไปทิ้งไว้ที่ใด จึงได้ประสานปฏิบัติการพิเศษ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ขอภาพกล้องวงจรปิดในส่วนอาคารผู้โดยสารเพิ่มเติมเพื่อสืบสวนขยายผล ติดตามหาทรัพย์สินของผู้เสียหายต่อไป อีกทั้งจากการสอบถาม ยังทราบมาอีกว่า นายทาเคอูชิฯ ได้อาศัยกินอยู่และหลับนอนอยู่ภายในท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ มาแล้ว เป็นเวลา 4-5 วัน
ทั้งนี้ผู้เสียหายยังชี้ตัวยืนยันว่า นายทาเคอูชิฯ เป็นคนลักเอาทรัพย์สินของตนเองไปโดยทุจริตจริง เพราะผู้เสียหายจดจำใบหน้าของนายทาเคอูชิฯ ได้ เนื่องจากนายทาเคอูชิฯ ได้นั่งใกล้ตนก่อนทรัพย์สิน จะหายไป และยืนยันอีกว่าภาพกระเป๋าที่ผู้ต้องหาลักเอาไปตามภาพกล้องวงจรปิดเป็นของตนเองจริง เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมจึงจับกุมตัวผู้ต้องหา ในข้อหา “ลักทรัพย์ในท่าอากาศยานในเวลากลางคืนหรือ รับของโจร” จากนั้นได้นำผู้ต้องหาส่ง สภ.ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ดำเนินคดีตามกฎหมาย
สำหรับกรณีดังกล่าว พล.ต.ท.เชษฐา โกมลวรรธนะ ผบช.ทท. และนายกิตติพงศ์ กิตติขจรรองผู้อำนวยการท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจและเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยที่ปฏิบัติงานในท่าอากาศยานต่างๆ เพิ่มความเข้มในการปฏิบัติและขอประชาสัมพันธ์ไปยังนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ ให้ระมัดระวังและสอดส่องดูแลทรัพย์สินของตนในระหว่างการเดินทาง หากเกิดกรณีทรัพย์สินสูญหายให้แจ้งสายด่วน 1155 หรือ เจ้าหน้าที่ประชาสัมพันธ์ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ โดยเร็ว
ส่วนกรณีการขู่วางระเบิดนั้นนายกิตติพงศ์ กิตติขจรรองผู้อำนวยการท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ กล่าวว่าจากการข่าวของทางท่าอากาศยานสุวรรณภูมิและตำรวจท่องเที่ยวทราบว่าผู้กระทำความผิดเป็นชาวฟินแลนด์และจะเดินทางหลบหนีออกไปที่ท่าอากาศยานดอนเมืองเช้าวันนี้เส้นทางไปดานัง เจ้าหน้าที่จึงได้สนธิกำลังและทำการจับกุมตัวมาที่ สภ.ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิโดยผู้กระทำความผิดให้การยอมรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหาว่าเป็นผู้ที่โทรมาข่มขู่ที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิจริงตามเบอร์โทรศัพท์ที่เขาถืออยู่จากการตรวจเช็คว่าได้มีการโทรเข้าที่คอลเซ็นเตอร์สุวรรณภูมิเมื่อเวลาประมาณบ่ายโมงกว่าๆ โดยอยู่ระหว่าพนักงานสอบสวนกำลังสอบสวนและทำคดีอยู่ พร้อมกับสถานทูตฟิลแลนด์ โดยในเบื้องต้นผู้ต้องหาให้การวกไปวนมาคล้ายคนสติไม่ดี จึงได้ส่งไปตรวจที่ รพ.ราชนครินทร์ว่าบุคคลนี้มีอาการทางด้านจิตหรือไม่
โดยมีความผิดฐาน พรบ.เดินอากาศมาตราที่ 22 มีโทษจำคุก 5 ปี หรือปรับไม่เกิน2แสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ส่นการที่จะต้องติดแบล็คลิดหรือไม่นั้นรองผู้อำนวยการท่าฯ กล่าวว่าหลังจากเสร็จทางขบวนการทางข้อกฎหมายแล้วศาลชี้ชัดอย่างไรแล้วก็จะต้องส่งเรื่องไปให้สำนักงานตรวจคนเข้าเมืองดำเนินการต่อไป