จากกรณีเจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถติดตามจับกุมตัวนายสมคิด พุ่มพวง แจ็ค เดอะ ริปเปอร์ เมืองไทย ฆาตกรต่อเนื่อง ที่พึ่งพ้นโทษออกมาก่อเหตุฆ่านางรัศมี มุลิจันทร์ อายุ 51 ปี เสียชีวิตเป็นรายที่ 6 ภายในบ้านพักเลขที่293 หมู่19 ต.หนองโก อ.กระนวน จ.ขอนแก่น เมื่อวันที่ 15 ธ.ค. ที่ผ่านมา ได้ขณะกำลังนั่งโดยสารไฟผ่านมาในพื้นที่ จ.นครราชสีมา ก่อนให้การรับสารภาพว่าพลั้งมือพลั้งมือฆ่าผู้ตายเพราะบันดาลโทสะ หลังมีปากเสียงกับผู้ตาย ตามที่เคยมีการนำเสนอไปแล้วนั้น
เมื่อวันที่ 19 ธ.ค. พ.ต.อ.บุญลือ ผดุงถิ่น ผกก.3 บก.ป. กล่าวถึงคดีดังกล่าวว่า แม้ว่านายสมคิดจะให้การรับสารภาพว่าสาเหตุที่ฆ่าผู้ตายนั้นเป็นเพราะบันดาลโทสะ ไม่ได้เป็นการฆ่าโดยไตร่ตรอง แต่ทางเจ้าหน้าที่ยังไม่ปักใจเชื่อ และเชื่อว่าก่อนลงมือก่อเหตุนายสมคิด นั้นน่าจะมีการวางแผนเตรียมการมาก่อนที่จะลงมือ เนื่องจากแนวทางสืบสวนทราบว่าก่อนเกิดเหตุประมาณวันที่ 12 ธ.ค. นายสมคิด ได้นำรถจักรยานยนต์ของผู้ตายไปจอดทิ้งไว้ที่ รพ.ขอนแก่น โดยอ้างกับผู้ตายว่านำรถไปซ่อมที่อู่แห่งหนึ่งในตัวเมืองขอนแก่น ซึ่งเมื่อตรวจสอบสภาพรถจะพบว่าไม่ได้มีการซ่อมแซมแต่อย่างใด เชื่อว่าน่าจะเป็นการนำไปจอดเพื่อเตรียมใช้เป็นยานพาหนะในการหลบหนี กระทั่งเมื่อก่อเหตุเสร็จนายสมคิด มุ่งตรงไปยัง รพ.ขอนแก่น ดังกล่าว เพื่อไปเอารถจักรยานยนต์ขับหลบหนีมุ่งตรงไปยังพื้นที่ จ.บุรีรัมย์ เพื่อต่อรถไฟหลบหนีไปยังพื้นที่อื่น ซึ่งการที่นายสมคิด เลือกที่จะหลบหนีไปขึ้นรถไฟที่ จ.บุรีรัมย์ เพื่อหลบหนีต่อไปยังพื้นที่จังหวัดอื่นนั้น เนื่องจากนายสมคิด เองมีความคุ้นเคยเส้นทางต่างๆพื้นที่ในจ.บุรีรัมย์ เพราะเคยก่อเหตุในพื้นที่ดังกล่าวมาก่อนเมื่อปี 2548 อีกทั้งในขณะที่จับกุมตัวนั้นจากการตรวจค้นตัวนายสมคิด ยังพบโทรศัพท์มือถืออยู่ที่ตัวจำนวน 4 เครื่อง ส่วนโทรศัพท์ของนายสมคิด อีกเครื่องที่ทำตกไว้ในที่เกิดเหตุน่าจะเป็นการตั้งใจเพื่อตบตาเจ้าหน้าที่ให้ยากต่อการติดตามตัว
พ.ต.อ.บุญลือ กล่าวอีกด้วยว่า ส่วนกรณีที่มีกระแสว่าหากนายสมคิดเตรียมการที่จะไปก่อเหตุกับเหยื่อผู้หญิงใหม่อีกราย เป็นรายที่ 7 หลังพบข้อมูลการโทรศัพท์ติดต่อนัดเจอกับหญิงคนดังกล่าวจากโทรศัพท์ของนายสมคิดที่ทำหล่นไว้ในที่เกิดเหตุ ก่อนที่จะมาถูกเจ้าหน้าที่จับกุมตัวได้ก่อนนั้น ไม่น่าจะเป็นความจริง เนื่องจากการตรวจสอบเบอร์โทรศัพท์ดังกล่าวพบว่าเป็นเบอร์โทรศัพท์ของ น.ส.สุมาลี (สงวนนามสกุล) แฟนสาวของนายสมคิด ที่ จ.ชัยภูมิ ที่คบหากันมานานเกือบครึ่งปี หลังจากพ้นโทษออกมาจากเรือนจำ โดยนายสมคิด กับ น.ส.สุมาลี เริ่มคบหากันตั้งแต่เมื่อ มิ.ย. 2562 หลังจากได้พบเจอกันที่ โรงพยาบาลแห่งหนึ่งในพื้นที่จ.นครราชสีมา ผ่านการแนะนำติดต่อของ น.ส.แตง (นามสมมุติ) หญิงสาวอีกรายที่นายสมคิด เคยไปทำทีตีสนิทแต่ว่า น.ส.แตงมีสามีอยู่แล้ว นายสมคิดจึงได้หันไปคบหากับ น.ส.สุมาลี เพื่อนของ น.ส.แตง แทน ก่อนทั้งคู่จะย้ายไปใช้ชีวิตอยู่ร่วมกันพร้อมกับเปิดร้านก๋วยเตี๋ยวอยู่ในพื้นที่ จ.ระยอง ซึ่งในระหว่างที่อยู่กินด้วยกันนั้น น.ส.สุมาลี ไม่เคยทราบเลยว่านายสมคิด คือฆาตกรต่อเนื่องที่พ้นโทษออกมาเนื่องจากถูกนายสมคิด หลอกว่าตนเองเป็นทนายความ
“อย่างไรก็ตามระหว่างที่นายสมคิด และ น.ส.สุมาลี ใช้ชีวิตอยู่ร่วมกันนั้น นายสมคิด ได้แอบติดต่อกับนางรัศมี ผู้ตาย ผ่านทางเฟซบุ๊ก ที่ น.ส.สุมาลี สร้างขึ้นมาให้ กระทั่งวันที่ 1 ธ.ค. นายสมคิด ได้ออกอุบายหลอก น.ส.สุมาลี ว่าจะไปทำงานด้านกฎหมายในพื้นที่ภาคอีสาน พร้อมกับขี่รถจักรยานยนต์ของ น.ส.สุมาลี ออกมาจากบ้านพักในพื้นที่ จ.ระยอง ก่อนจะเดินทางต่อมายังพื้นที่ จ.ขอนแก่น เพื่อมาหานางรัศมี ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างตรวจสอบว่ารถจักรยานยนต์ของ น.ส.สุมาลี นั้น ถูกนายสมคิด นำไปจอดทิ้งไว้ที่ใด” พ.ต.อ.บุญลือ กล่าว
ขณะเดียวกันรายงานข่าวแจ้งว่า อีกหนึ่งหลักฐานสำคัญที่ทำให้เชื่อว่าการก่อเหตุของนายสมคิด น่าจะมีการเตรียมการมาก่อนนั้น เนื่องจากการสืบสวนพบว่า ก่อนเกิดเหตุนายสมคิด ได้มีการวางแผนหลอกให้ นางรัศมี ดาวน์รถยนต์ให้ โดยการทำทีเป็นพ่อบุญทุ่ม รักจริงหวังแต่ง ก่อนออกอุบายว่าจะแต่งงานด้วย ทำทีติดต่อจองโรงแรมในพื้นที่เพื่อเตรียมจัดงานแต่งและเป็นห้องรับรองให้กับญาติผู้ใหญ่ เมื่อนางรัศมีเริ่มตายใจก็ได้ทำทีจะพาไปออกรถให้ที่โชว์รูมแห่งหนึ่ง แต่ว่าตนเองติดแบล็คลิสต์บัตรเครดิต ไม่สามารถออกให้ได้ จึงให้นางรัศมี เป็นคนจองรถและดำเนินการทำธุรกรรมเกี่ยวกับซื้อรถแทน ทั้งๆที่ในความเป็นจริงแล้ว ตัวนายสมคิด เองก็ทราบดีอยู่แล้วว่าตัวเอง ไม่ได้มีอาชีพเป็นหลักแหล่ง ไม่มีบัญชีการเงิน ซึ่งไม่สามารถทำเรื่องดาวน์ซื้อรถได้ และเมื่อทราบว่าโอกาสที่นางรัศมี จะซื้อรถได้นั้นมีอยู่น้อยจึงเริ่มตีตัวออกห่าง และเตรียมที่จะเดินทางกลับไปหา น.ส.สุมาลี แต่ นางรัศมี ผู้ตายไม่ยอม จึงทำให้ลงมือก่อเหตุดังกล่าว