วันนี้ วันอังคารที่ 3 ธ.ค.62 เวลา 13.30 น. ณ ลานแถลงข่าว ชั้น 1 อาคาร บช.น.: พล.ต.ท.ภัคพงศ์ พงษ์เภตรา ผบช.น. พร้อมด้วย พล.ต.ต.ปิยะ ต๊ะวิชัย,พล.ต.ต.สมประสงค์ เย็นท้วม,พล.ต.ต.อิทธิพล อัจฉริยะประดิษฐ์ รอง ผบช.น.,พล.ต.ต.สันติ ชัยนิรมัย ผบก.สส.บช.น.,พล.ต.ต.สำราญ นวลมา ผบก.สปพ.,พ.ต.อ.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์,พ.ต.อ.อรรถพล อนุสิทธิ์,พ.ต.อ.ธีระชัย ชำนาญหมอ,พ.ต.อ.ประสงค์ อานมณี,พ.ต.อ.สมบูรณ์ เทียนขาว รอง ผบก.สปพ.,พ.ต.อ.ปิยรัช สุภารัตน์ ผกก.สายตรวจ บก.สปพ.,พ.ต.อ.พรศักดิ์ เลารุจิราลัย ผกก.สส.2 บก.สส.บช.น.ร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ บก.สปพ.ร่วมแถลงข่าวผลการจับกุมยาบ้า 800,000 เม็ด
โดยเมื่อวันที่ 2 ธันวาคม 2562 เวลาประมาณ 05.20 น.สามารถจับกุมผู้ต้องหาได้จำนวน 4 ราย คือนายอรรพล เป๋าอยู่ อายุ 22 ปี,นายจักรกฤษณ์ สุขสายัน อายุ 18 ปี,นายคมสันต์ พงษ์เสือ อายุ 23 ปี และนายอภิชัย แน่นอุดร อายุ 26 ปีพร้อมด้วยของกลางยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาบ้า) จำนวนประมาณ 8 แสนเม็ด,รถยนต์ มิตซูบิชิปาเจโร สีเทา หมายเลขทะเบียน ฎณ-2072 กรุงเทพมหานคร พร้อมกุญแจ และรถยนต์ ฮอนด้า ซีวิค สีเทา หมายเลขทะเบียน ชศ-4518 กรุงเทพมหานคร พร้อมกุญแจ โดยจับผู้ต้องหาได้ที่บริเวณริมถนนหมู่บ้านหาดสะแก หมู่ที่ 7 ต.ย่านมัทรี อ.พยุหะคีรี จ.นครสวรรค์ โดยกล่าวหาว่า “ร่วมกันมียาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาบ้า) ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย โดยผิดกฏหมาย”
จากการสืบสวนทราบว่าจะมีขบวนการลำเลียงยาเสพติดรายใหญ่จากภาคเหนือลงมาจำหน่ายให้กับลูกค้าที่กรุงเทพมหานคร และใกล้เคียง โดยใช้รถยนต์ดังกล่าว ลำเลียงยาเสพติดจากภาคเหนือโดยใช้เส้นทาง จังหวัดเชียงใหม่,ลำพูน,ลำปาง,ตาก,กำแพงเพชร และนครสวรรค์ เข้าสู่ถนนพหลโยธินบริเวณอำเภอพยุหะคีรี จังหวัดนครสวรรค์ จึงได้วางกำลังเพื่อวางแผนเฝ้าสังเกตการณ์ จนกระทั่งต่อมาเวลาประมาณ 05.00 น. พบเห็นรถยนต์ดังกล่าวทั้งสองคัน เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้แบ่งกำลังเฝ้าติดตามมาจนกระทั่งรถยนต์ดังกล่าว ถึงถนนบริเวณ หมู่บ้านหาดสะแก หมู่ที่ 7 ต.ย่านมัทรี อ.พยุหะคีรี จ.นครสวรรค์ เจ้าหน้าที่จึงได้แสดงตัวเพื่อเข้าทำการตรวจค้น ผลการตรวจค้นพบ ยาบ้าบรรทุกมาภายในรถ ประมาณ 8 แสนเม็ด
สอบสวนผู้ต้องหาให้การรับสารภาพ ว่ายาเสพติด (ยาบ้า) ดังกล่าว ตนเองกับพวกที่หลบหนีได้รับว่าจ้างจากนายทุนให้นำยาเสพติดดังกล่าวไปส่งให้กับลูกค้าในกรุงเทพมหานครและบริเวณใกล้เคียง ได้ค่าว่าจ้างครั้งนี้เป็นเงิน 5 หมื่นบาท และรับสารภาพว่ารับงานครั้งนี้เป็นครั้งที่ 2 โดยรถยนต์ยี่ห้อ ฮอนด้า ซีวิค สีเทา หมายเลขทะเบียน ชศ-4518 กรุงเทพมหานคร ได้ขับรถหลบหนีมาแต่เจ้าหน้าที่ตำรวจได้เฝ้าติดตามมาจนกระทั่งเวลาประมาณ 08.20 น.รถคันดังกล่าวมาถึงบริเวณปั๊มน้ำมันปตท. ถนนกาญจนาภิเษก (ขาเข้าบางบอน) แขวงคลองบางพราน เขตบางบอน กรุงเทพมหานคร เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดเฝ้าติดตามได้แสดงตัวเพื่อเข้าทำการจับกุมและตรวจค้น จากการตรวจสอบประวัติผู้ต้องหาทั้ง 4 คน พบว่า นายอภิชัย แน่นอุดร หนึ่งในผู้ต้องหา มีประวัติการดำเนินคดีเกี่ยวกับยาเสพติดมาหลายครั้ง ในข้อหา จำหน่ายยาเสพติดฯ โดยถูกจำคุก เป็นเวลา 3 ปีจึงได้จับกุมผู้ต้องหาพร้อมของกลางนำส่งพนักงานสอบสวน บช.ปสเพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
คดีที่สอง กก.สส.บก.น.1 ร่วมกับ สน.ราษฎร์บูรณะ จับกุมแก๊งสาวประเภทสองแฮกไลน์ และเฟสบุ๊ค หลอกผู้เสียหายนำเงินเข้าบัญชี แล้วโอนเงินเข้าบัญชีอื่น มูลค่าความเสียหาย 4,200,000 บาท โดยการนำของ พล.ต.ต.สำเริง สวนทอง ผบก.น.1 พร้อมด้วย พ.ต.อ.นครินทร์ สุคนธวิท รอง ผบก.น.1,พ.ต.อ.นริศ ปรารถนาพร ผกก.สส.บก.น.1,พ.ต.ท.ธัชพงศ์ วงศ์พัฒนานิวาศ รอง ผกก.สส.บก.น.1,พ.ต.ท.คุณประโยชน์ อารีย์รัตนะนคร รอง ผกก.สส.สน.ราษฎร์บูรณะ,พ.ต.ต.กฤษฎา นาคประสิทธิ์ และ พ.ต.ต.เกรียงไกร ใจสุทธิ์ สว.สส.บก.น.1
ได้ร่วมกันทำการจับกุมนายศุภฤกษ์ กรุดบาง อายุ 30 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญามีนบุรี ที่738/2562 ลงวันที่ 28 ตุลาคม 2562 จับกุมวันที่ 30 พฤศจิกายน 2562 (ผู้จัดหาบัญชี,ถอนเงิน),นายวินัย ฟักเฟื่อง อายุ 27 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดนนทบุรีที่ 446/2562 ลง 12 พฤศจิกายน 2562 จับกุมวันที่ 30 พฤศจิกายน2562 (ถอนเงิน/โอนเงิน,เจ้าของบัญชีรับโอนเงิน),นายอนุกูล หรั่งแร่ อายุ 30 ปี ผู้ต้องหาของ สภ.รัตนาธิเบศร์ และสน.ประเวศ แจ้งข้อกล่าวหาเมื่อวันที่ 30 พฤศจิกายน 2562 (ถอนเงิน/โอนเงิน,เจ้าของบัญชีรับโอนเงิน) และนายวุฒิชัย ศรีสุวอ อายุ 33 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญากรุงเทพใต้ ที่ จ.590/2562 ลง 21 ตุลาคม 2562 จับกุมวันที่ 28 ตุลาคม 2562 (ถอนเงิน/โอนเงิน,เจ้าของบัญชีรับโอนเงิน)
โดยกล่าวหาว่า “ร่วมฉ้อโกงโดยการแสดงตนเป็นบุคคลอื่น และโดยทุจริตหรือโดยหลอกลวงและนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือนหรือปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน” ซึ่งยังมีกลุ่มผู้ต้องหาตามหมายจับที่หลบหนีอีกจำนวน 2 ราย เป็นหญิงชาวลาว 1 ราย ทำหน้าที่เป็นผู้ควบคุมสั่งการ และเป็นชาวไทย 1 รายซึ่งเป็นเจ้าของบัญชีรับโอนเงิน/ถอนเงิน (ของสงวนนาม)
จากการที่เจ้าหน้าที่ กก.สส.บก.น.1 ได้ทำการสืบสวนจับกุมกลุ่มมิจฉาชีพมีพฤติการณ์ในการกระทำความผิดในการปลอมเฟซบุ๊กและไลน์หลอกให้ผู้เสียหายโอนเงิน และได้มีการจับกุมกลุ่มมิจฉาชีพดังกล่าวไปแล้วนั้น ต่อมาได้รับการประสานข้อมูลจาก สภ.รัตนาธิเบศร์ และสน.ประเวศ ว่าเมื่อวันที่ 21 และ 24 ตุลาคม 2562 มีผู้เสียหายไปแจ้งความร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวนว่ามีกลุ่มมิจฉาชีพไปทำการหลอกลวงให้โอนเงินซึ่งมีพฤติการณ์ในการกระทำความผิดในลักษณะคล้ายกัน
จึงได้ทำการสืบสวนสอบสวนพบว่ากลุ่มคนร้ายใช้วิธีการสร้างบัญชีผู้ใช้งานเฟซบุ๊กและไลน์ปลอมของเหยื่อ ที่มีฐานะดี มีชื่อเสียงจากนั้นจึงติดต่อหลอกลวงบุคคลที่เหยื่อรู้จักให้โอนเงินเข้าบัญชีธนาคารเมื่อมีผู้เสียหายหลงเชื่อจึงโอนเงินเข้าบัญชีธนาคารที่เตรียมไว้จากนั้นคนร้ายก็ทำหน้าที่ถอนเงินสดออกจากบัญชีธนาคาร และปิดบังอำพรางเส้นทางการเงินโดยการโอนเงินและฝากเงินที่ได้จากการกระทำความผิดไปยังบัญชีอื่นๆ ซึ่งเกี่ยวข้องกับกลุ่มแลกเปลี่ยนเงินตราระหว่างประเทศ (ชายแดนลาว)
ซึ่งพฤติกรรมดังกล่าวทำให้สืบทราบว่ากลุ่มคนร้ายได้ร่วมกันกระทำความผิดจำนวนหลายคน โดยมีการแบ่งหน้าที่กันทำอย่างชัดเจนและมีการประสานงานกันเพื่อให้ได้ไปซึ่งทรัพย์สินของผู้เสียหายและเพื่อให้ยากต่อการสืบสวนติดตามของเจ้าหน้าที่ตำรวจจากการสืบสวนพบว่ากลุ่มแก๊งดังกล่าวได้กระทำความผิดก่อให้เกิดความเสียหายเป็นจำนวนเงิน 4,200,000 บาท ในท้องที่ สน.ประเวศ,สน.คันนายาว,สน.ทองหล่อ และ สภ.รัตนาธิเบศร์ จ.นนทบุรี
จากการสืบสวนพบว่ากลุ่มคนร้ายนี้ มีหญิงชาวลาวร่วมกับพวกหลอกลวงผู้เสียหายอยู่ประเทศลาวและใช้งาน นายศุภฤกษ์ฯ เป็นผู้จัดหาบัญชี (สาวประเภท 2) รับเงินจากผู้เสียหาย และร่วมกับนายวินัยฯ (สาวประเภท 2) และนายอนุกูลฯ (สาวประเภท 2) ทำหน้าที่ ถอนเงิน โอนเงิน และนายวุฒิชัยฯ ทำหน้าที่ ถอนเงิน โอนเงิน ของผู้เสียหายไปยังบัญชีอื่นเพื่อปกปิดอำพรางเส้นทางการเงิน เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้รวบรวมพยานหลักฐานส่งให้ พงส. ดำเนินการสอบสวนและขออนุมัติหมายจับและจับกุมผู้ต้องหาได้
จากเหตุการณ์ดังกล่าว มีผู้เสียหายที่เจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจสอบพบ จำนวน 4 ราย ความเสียหายประมาณ 4.2 ล้านบาทเข้าแจ้งความที่ หลายท้องที่ เพื่อดำเนินคดีกลุ่มคนร้าย ในความผิดดังกล่าว พงส. ได้รวบรวมพยานหลักฐานขออนุมัติศาลออกหมายจับ และจนกระทั่งมาถูกจับกุมดังกล่าว รายละเอียดความเสียหาย ดังนี้
1.สน.ประเวศ 1 รายความเสียหาย 1,000,000 บาท แจ้งความเมื่อวันที่ 24 ตุลาคม 2562
2.สน.คันนายาว 1 รายความเสียหาย 400,000บาท แจ้งความเมื่อวันที่ 8 ตุลาคม 2562
3.สน.ทองหล่อ 1 รายความเสียหาย 300,000 บาท แจ้งความเมื่อวันที่ 12 ตุลาคม 2562
4.สภ.รัตนาธิเบศร์ 1 รายความเสียหาย 2,500,000บาท แจ้งความเมื่อวันที่ 21 ตุลาคม 2562 รวมมูลค่าความเสียหาย 4,200,000 บาท
กองบัญชาการตำรวจนครบาล ขอฝากประชาสัมพันธ์แก่ประชาชนให้ระมัดระวังในการสื่อสารผ่านสื่อสังคมออนไลน์ โดยเฉพาะการทำธุรกรรมทางการเงิน โดยพวกมิจฉาชีพจะใช้ช่องทางผ่านสื่อสังคมออนไลน์และฉวยโอกาสหลอกให้ผู้เสียหายหลงเชื่อโอนเงินจนก่อให้เกิดความเสียหาย จึงขอประชาสัมพันธ์เป็นการป้องกันให้ดำเนินการตรวจสอบหรือยืนยันตัวบุคคลทุกครั้งในการสื่อสารสำหรับการทำธุรกรรมผ่านสื่อสังคมออนไลน์เพื่อความถูกต้องและปลอดภัย