หน้าแรกกระบวนการยุติธรรมบช.น.แถลง​ 2​ ข่าว​ จับยาบ้า 8​ แสนเม็ด และรวบแก๊งกระเทยแสบแฮกไลน์ และเฟสบุ๊ค หลอกผู้เสียหายนำเงินเข้าบัญชี

บช.น.แถลง​ 2​ ข่าว​ จับยาบ้า 8​ แสนเม็ด และรวบแก๊งกระเทยแสบแฮกไลน์ และเฟสบุ๊ค หลอกผู้เสียหายนำเงินเข้าบัญชี

วันนี้​ วัน​อังคารที่ 3 ธ.ค.62 เวลา 13.30 น. ณ ลานแถลงข่าว ชั้น 1 อาคาร บช.น.: พล.ต.ท.ภัคพงศ์ พงษ์เภตรา ผบช.น. พร้อม​ด้วย​ พล.ต.ต.ปิยะ ต๊ะวิชัย,พล.ต.ต.สมประสงค์ เย็นท้วม,พล.ต.ต.อิทธิพล อัจฉริยะประดิษฐ์ รอง ผบช.น.,พล.ต.ต.สันติ ชัยนิรมัย ผบก.สส.บช.น.,พล.ต.ต.สำราญ นวลมา ผบก.สปพ.,พ.ต.อ.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์,พ.ต.อ.อรรถพล อนุสิทธิ์,พ.ต.อ.ธีระชัย ชำนาญหมอ,พ.ต.อ.ประสงค์ อานมณี,พ.ต.อ.สมบูรณ์ เทียนขาว รอง ผบก.สปพ.,พ.ต.อ.ปิยรัช สุภารัตน์ ผกก.สายตรวจ บก.สปพ.,พ.ต.อ.พรศักดิ์ เลารุจิราลัย ผกก.สส.2 บก.สส.บช.น.ร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ บก.สปพ.ร่วมแถลงข่าวผลการจับกุมยาบ้า 800,000 เม็ด

โดยเมื่อวันที่ 2 ธันวาคม 2562​ เวลาประมาณ 05.20 น.สามารถจับกุมผู้ต้องหาได้จำนวน 4 ราย คือนายอรรพล เป๋าอยู่ อายุ 22 ปี,นายจักรกฤษณ์ สุขสายัน อายุ 18 ปี,นายคมสันต์ พงษ์เสือ อายุ 23 ปี และนายอภิชัย แน่นอุดร อายุ 26 ปีพร้อมด้วยของกลางยาเสพติดให้โทษประเภท 1​ (ยาบ้า) จำนวนประมาณ 8​ แสนเม็ด,รถยนต์ มิตซูบิชิปาเจโร สีเทา หมายเลขทะเบียน ฎณ-2072 กรุงเทพมหานคร พร้อมกุญแจ​ และรถยนต์ ฮอนด้า ซีวิค สีเทา หมายเลขทะเบียน ชศ-4518 กรุงเทพมหานคร พร้อมกุญแจ​ โดยจับผู้ต้องหา​ได้ที่บริเวณริมถนนหมู่บ้านหาดสะแก หมู่ที่ 7 ต.ย่านมัทรี อ.พยุหะคีรี จ.นครสวรรค์​ โดยกล่าวหาว่า “ร่วมกันมียาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาบ้า) ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย โดยผิดกฏหมาย”

จากการสืบสวนทราบว่าจะมีขบวนการลำเลียงยาเสพติดรายใหญ่จากภาคเหนือลงมาจำหน่ายให้กับลูกค้าที่กรุงเทพมหานคร​ และใกล้เคียง​ โดยใช้รถยนต์ดังกล่าว​ ลำเลียงยาเสพติดจากภาคเหนือโดยใช้เส้นทาง จังหวัดเชียงใหม่,ลำพูน,ลำปาง,ตาก,กำแพงเพชร และนครสวรรค์​ เข้าสู่ถนนพหลโยธินบริเวณอำเภอพยุหะคีรี จังหวัดนครสวรรค์ จึงได้วางกำลังเพื่อวางแผนเฝ้าสังเกตการณ์ จนกระทั่งต่อมาเวลาประมาณ 05.00 น. พบเห็นรถยนต์ดังกล่าวทั้งสองคัน เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้แบ่งกำลังเฝ้าติดตามมาจนกระทั่งรถยนต์ดังกล่าว​ ถึงถนนบริเวณ หมู่บ้านหาดสะแก หมู่ที่ 7 ต.ย่านมัทรี อ.พยุหะคีรี จ.นครสวรรค์ เจ้าหน้าที่​จึงได้แสดงตัวเพื่อเข้าทำการตรวจค้น ผลการตรวจค้นพบ ยาบ้าบรรทุกมาภายในรถ ประมาณ 8​ แสนเม็ด​

สอบสวน​ผู้ต้องหาให้การรับสารภาพ ว่ายาเสพติด (ยาบ้า) ดังกล่าว ตนเองกับพวกที่หลบหนีได้รับว่าจ้างจากนายทุนให้นำยาเสพติดดังกล่าวไปส่งให้กับลูกค้าในกรุงเทพมหานครและบริเวณใกล้เคียง ได้ค่าว่าจ้างครั้งนี้เป็นเงิน 5​ หมื่นบาท​ และรับสารภาพ​ว่ารับงานครั้งนี้เป็นครั้งที่ 2​ โดยรถยนต์ยี่ห้อ ฮอนด้า ซีวิค สีเทา หมายเลขทะเบียน ชศ-4518 กรุงเทพมหานคร ได้ขับรถหลบหนีมาแต่เจ้าหน้าที่ตำรวจได้เฝ้าติดตามมาจนกระทั่งเวลาประมาณ 08.20 น.รถคันดังกล่าวมาถึงบริเวณปั๊มน้ำมันปตท. ถนนกาญจนาภิเษก (ขาเข้าบางบอน) แขวงคลองบางพราน เขตบางบอน กรุงเทพมหานคร เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดเฝ้าติดตามได้แสดงตัวเพื่อเข้าทำการจับกุมและตรวจค้น​ จากการตรวจสอบประวัติผู้ต้องหาทั้ง 4 คน พบว่า นายอภิชัย แน่นอุดร หนึ่งในผู้ต้องหา มีประวัติการดำเนินคดีเกี่ยวกับยาเสพติดมาหลายครั้ง ในข้อหา จำหน่ายยาเสพติดฯ โดยถูกจำคุก เป็นเวลา 3 ปีจึงได้จับกุมผู้ต้องหาพร้อมของกลางนำส่งพนักงานสอบสวน บช.ปสเพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

คดีที่สอง กก.สส.บก.น.1 ร่วมกับ สน.ราษฎร์บูรณะ จับกุมแก๊งสาวประเภทสองแฮกไลน์ และเฟสบุ๊ค หลอกผู้เสียหายนำเงินเข้าบัญชี แล้วโอนเงินเข้าบัญชีอื่น มูลค่าความเสียหาย 4,200,000 บาท โดยการนำของ​ พล.ต.ต.สำเริง สวนทอง ผบก.น.1 พร้อมด้วย พ.ต.อ.นครินทร์ สุคนธวิท​ รอง​ ผบก.น.1,พ.ต.อ.นริศ ปรารถนาพร ผกก.สส.บก.น.1,พ.ต.ท.ธัชพงศ์ วงศ์พัฒนานิวาศ รอง ผกก.สส.บก.น.1,พ.ต.ท.คุณประโยชน์ อารีย์รัตนะนคร รอง ผกก.สส.สน.ราษฎร์บูรณะ,พ.ต.ต.กฤษฎา นาคประสิทธิ์ และ พ.ต.ต.เกรียงไกร ใจสุทธิ์ สว.สส.บก.น.1

ได้ร่วมกันทำการจับกุมนายศุภฤกษ์ กรุดบาง อายุ 30 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญามีนบุรี ที่738/2562 ลงวันที่ 28 ตุลาคม 2562 จับกุมวันที่ 30 พฤศจิกายน 2562 (ผู้จัดหาบัญชี,ถอนเงิน),นายวินัย ฟักเฟื่อง อายุ 27 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดนนทบุรีที่ 446/2562 ลง 12 พฤศจิกายน 2562 จับกุมวันที่ 30 พฤศจิกายน2562 (ถอนเงิน/โอนเงิน,เจ้าของบัญชีรับโอนเงิน),นายอนุกูล หรั่งแร่ อายุ 30 ปี ผู้ต้องหาของ สภ.รัตนาธิเบศร์​ และสน.ประเวศ แจ้งข้อกล่าวหาเมื่อวันที่ 30 พฤศจิกายน 2562 (ถอนเงิน/โอนเงิน,เจ้าของบัญชีรับโอนเงิน) และนายวุฒิชัย ศรีสุวอ อายุ 33 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญากรุงเทพใต้ ที่ จ.590/2562 ลง 21 ตุลาคม 2562 จับกุมวันที่ 28 ตุลาคม 2562 (ถอนเงิน/โอนเงิน,เจ้าของบัญชีรับโอนเงิน)

โดยกล่าวหาว่า “ร่วมฉ้อโกงโดยการแสดงตนเป็นบุคคลอื่น และโดยทุจริตหรือโดยหลอกลวงและนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือนหรือปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน” ซึ่งยังมีกลุ่มผู้ต้องหาตามหมายจับที่หลบหนีอีกจำนวน 2 ราย เป็นหญิงชาวลาว 1 ราย ทำหน้าที่เป็นผู้ควบคุมสั่งการ​ และเป็นชาวไทย 1 รายซึ่งเป็นเจ้าของบัญชีรับโอนเงิน/ถอนเงิน (ของสงวนนาม)

จากการที่เจ้าหน้าที่ กก.สส.บก.น.1 ได้ทำการสืบสวนจับกุมกลุ่มมิจฉาชีพมีพฤติการณ์ในการกระทำความผิดในการปลอมเฟซบุ๊กและไลน์หลอกให้ผู้เสียหายโอนเงิน และได้มีการจับกุมกลุ่มมิจฉาชีพดังกล่าวไปแล้วนั้น ต่อมาได้รับการประสานข้อมูลจาก สภ.รัตนาธิเบศร์ และสน.ประเวศ ว่าเมื่อวันที่ 21 และ 24 ตุลาคม 2562 มีผู้เสียหายไปแจ้งความร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวนว่ามีกลุ่มมิจฉาชีพไปทำการหลอกลวงให้โอนเงินซึ่งมีพฤติการณ์ในการกระทำความผิดในลักษณะคล้ายกัน

จึงได้ทำการสืบสวนสอบสวนพบว่ากลุ่มคนร้ายใช้วิธีการสร้างบัญชีผู้ใช้งานเฟซบุ๊กและไลน์ปลอมของเหยื่อ​ ที่มีฐานะดี มีชื่อเสียงจากนั้นจึงติดต่อหลอกลวงบุคคลที่เหยื่อรู้จักให้โอนเงินเข้าบัญชีธนาคารเมื่อมีผู้เสียหายหลงเชื่อจึงโอนเงินเข้าบัญชีธนาคารที่เตรียมไว้จากนั้นคนร้ายก็ทำหน้าที่ถอนเงินสดออกจากบัญชีธนาคาร และปิดบังอำพรางเส้นทางการเงินโดยการโอนเงินและฝากเงินที่ได้จากการกระทำความผิดไปยังบัญชีอื่นๆ​ ซึ่งเกี่ยวข้องกับกลุ่มแลกเปลี่ยนเงินตราระหว่างประเทศ (ชายแดนลาว)

ซึ่งพฤติกรรมดังกล่าวทำให้สืบทราบว่ากลุ่มคนร้ายได้ร่วมกันกระทำความผิดจำนวนหลายคน โดยมีการแบ่งหน้าที่กันทำอย่างชัดเจนและมีการประสานงานกันเพื่อให้ได้ไปซึ่งทรัพย์สินของผู้เสียหายและเพื่อให้ยากต่อการสืบสวนติดตามของเจ้าหน้าที่ตำรวจจากการสืบสวนพบว่ากลุ่มแก๊งดังกล่าวได้กระทำความผิดก่อให้เกิดความเสียหายเป็นจำนวนเงิน 4,200,000 บาท ในท้องที่ สน.ประเวศ,สน.คันนายาว,สน.ทองหล่อ และ สภ.รัตนาธิเบศร์ จ.นนทบุรี

จากการสืบสวนพบว่ากลุ่มคนร้ายนี้ มีหญิงชาวลาวร่วมกับพวกหลอกลวงผู้เสียหายอยู่ประเทศลาวและใช้งาน นายศุภฤกษ์ฯ เป็นผู้จัดหาบัญชี (สาวประเภท 2) รับเงินจากผู้เสียหาย และร่วมกับนายวินัยฯ (สาวประเภท 2) และนายอนุกูลฯ (สาวประเภท 2) ทำหน้าที่ ถอนเงิน โอนเงิน และนายวุฒิชัยฯ ทำหน้าที่ ถอนเงิน โอนเงิน ของผู้เสียหายไปยังบัญชีอื่นเพื่อปกปิดอำพรางเส้นทางการเงิน เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้รวบรวมพยานหลักฐานส่งให้ พงส. ดำเนินการสอบสวนและขออนุมัติหมายจับและจับกุมผู้ต้องหาได้

จากเหตุการณ์ดังกล่าว มีผู้เสียหายที่เจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจสอบพบ จำนวน 4 ราย ความเสียหายประมาณ 4.2 ล้านบาทเข้าแจ้งความที่ หลายท้องที่ เพื่อดำเนินคดีกลุ่มคนร้าย ในความผิดดังกล่าว พงส.   ได้รวบรวมพยานหลักฐานขออนุมัติศาลออกหมายจับ และจนกระทั่งมาถูกจับกุมดังกล่าว รายละเอียดความเสียหาย ดังนี้

1.สน.ประเวศ 1 รายความเสียหาย 1,000,000 บาท แจ้งความเมื่อวันที่ 24 ตุลาคม 2562

2.สน.คันนายาว 1 รายความเสียหาย 400,000บาท แจ้งความเมื่อวัน​ที่ 8 ตุลาคม 2562

3.สน.ทองหล่อ 1 รายความเสียหาย 300,000 บาท แจ้งความเมื่อวันที่ 12 ตุลาคม 2562

4.สภ.รัตนาธิเบศร์ 1 รายความเสียหาย 2,500,000บาท แจ้งความเมื่อวันที่ 21 ตุลาคม 2562​ รวมมูลค่าความเสียหาย 4,200,000 บาท

กอง​บัญชาการ​ตำรวจ​นครบาล​ ขอฝากประชาสัมพันธ์แก่ประชาชนให้ระมัดระวังในการสื่อสารผ่านสื่อสังคมออนไลน์ โดยเฉพาะการทำธุรกรรมทางการเงิน โดยพวกมิจฉาชีพจะใช้ช่องทางผ่านสื่อสังคมออนไลน์และฉวยโอกาสหลอกให้ผู้เสียหายหลงเชื่อโอนเงินจนก่อให้เกิดความเสียหาย จึงขอประชาสัมพันธ์เป็นการป้องกันให้ดำเนินการตรวจสอบหรือยืนยันตัวบุคคลทุกครั้งในการสื่อสารสำหรับการทำธุรกรรมผ่านสื่อสังคมออนไลน์เพื่อความถูกต้องและปลอดภัย

RELATED ARTICLES
- Advertisment -spot_img
- Advertisment -spot_img
- Advertisment -spot_img