นางสาวขัตติยา อินทรวิชัย กรรมการผู้จัดการ ธนาคารกสิกรไทย เปิดเผยว่า ความร่วมมือในวันนี้ของธนาคารกสิกรไทยและธนาคารออมสินเป็นจุดเริ่มต้นของโครงการเอทีเอ็มสีขาว หรือ (White Label ATM) ซึ่งโครงการนี้จะช่วยอำนวยความสะดวกให้กับลูกค้าของทั้ง 2 ธนาคาร ในการใช้บริการที่เครื่องเอทีเอ็มที่มีเครือข่ายเอทีเอ็มที่ครอบคลุมในพื้นที่มากขึ้น นอกจากนี้ยังเป็นประโยชน์กับธนาคารที่จะลดค่าใช้จ่ายในการลงทุน การบริหารจัดการเอทีเอ็ม
การบริหารจัดหารเงินสดและช่วยให้จัดสรรทรัพยากรได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น ภายใต้ความร่วมมือครั้งนี้ ลูกค้าของธนาคารกสิกรไทยและธนาคารออมสิน จะสามารถใช้บริการถอนเงิน สอบถามยอด และการโอนเงินระหว่างบัญชีที่ผูกกับบัตรที่เครื่องเอทีเอ็มของทั้ง 2 ธนาคาร โดยไม่ต้องเสียค่าธรรมเนียมต่างธนาคารและสามารถทำธุรกรรมได้ไม่จำกัดจำนวนครั้ง สำหรับการทำธุรกรรมในจังหวัดเดียวกัน จากเดิมที่ลูกค้าต้องเสียค่าธรรมเนียมต่างธนาคารเมื่อใช้บริการตั้งแต่รายการที่ 5 ภายในเดือนเดียวกัน ส่วนการธุรกรรมข้ามจังหวัดสำหรับโครงการนี้ การถอนเงินสดจะคิดค่าธรรมเนียมลดลงเหลือ 15 บาทต่อรายการ การโอนเงินระหว่างบัญชีที่ผูกกับบัตร ลูกค้าธนาคารกสิกรไทยไม่ต้องเสียค่าธรรมเนียม ส่วนลูกค้าธนาคารออมสินคิดค่าธรรมเนียมลดลงเหลือ 15 บาทต่อรายการ โดยโครงการนี้จะเริ่มตั้งแต่วันที่ 8 พฤศจิกายน ถึง
วันที่ 30 เมษายน 2563
ดร.ชาติชาย พยุหนาวีชัย ผู้อำนวยการธนาคารออมสิน เปิดเผยว่า การให้บริการทางการเงินผ่านเครื่องเอทีเอ็มในประเทศไทยมีมาหลายสิบปีซึ่งผู้ให้บริการแต่ละแห่งต่างมีต้นทุนในการบริหารจัดการ แต่จากความร่วมมือในการให้บริการเอทีเอ็มในครั้งนี้ ถือเป็นการอำนวยความสะดวกให้กับลูกค้าธนาคารที่สามารถเข้าถึงการใช้บริการทางการเงินอย่างเท่าเทียมกัน นอกจากนี้ ยังสามารถสร้างเป็นต้นแบบเพื่อการรองรับการให้บริการเครื่องเอทีเอ็มกับลูกค้าของสถาบันการเงินเฉพาะกิจกับธนาคารพาณิชย์ครั้งแรกในประเทศไทยเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการให้บริการและสร้างความพึงพอใจให้กับลูกค้าในการใช้บริการทางอิเล็กทรอนิกส์ได้อย่างกว้างขวางมากขึ้น
“สำหรับระยะความร่วมมือการให้บริการเอทีเอ็มระหว่างธนาคารออมสินและธนาคารกสิกรไทย จะนำร่องในพื้นที่ 5 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดสกลนคร นครพนม ปัตตานี ยะลา และนราธิวาส ซึ่งธนาคารออมสินและธนาคารกสิกรไทยมีเครื่องเอทีเอ็มในพื้นที่ 5 จังหวัดดังกล่าว เกือบ 400 เครื่อง และในระยะต่อไปของการบริการจะขยายพื้นที่ทั่วประเทศ ซึ่งธนาคารออมสินมีเครื่องเอทีเอ็มมากกว่า 7,000 เครื่อง เมื่อรวมกับธนาคารกสิกรไทยที่มีกว่า 10,000 เครื่อง จะถือว่ามีจุดบริการมากเป็นอันดับ 1 ของประเทศไทย ดังนั้นจึงเป็นโอกาสที่ทั้ง 2 ธนาคารจะร่วมมือกันพัฒนาบริการและผลิตภัณฑ์ เพื่อเป็นช่องทางในการให้บริการที่ครอบคลุมและอำนวยความสะดวกให้แก่ลูกค้าของทั้ง 2 ธนาคารได้มากยิ่งขึ้น “ ดร.ชาติชาย กล่าว