วันนี้ 2 ตุค. 62 ภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.ต.จิรภพ ภูริเดช ผบก.ป., พ.ต.อ.อรุณ วชิรศรีสุกัญยา ผกก.2 บก.ป., พ.ต.ท.สมบัติ มีมงคล ,พ.ต.ท.วิศิษฐ์ พลบม่วง ,พ.ต.ท.ณัทกฤช น้อยคำปัน ,พ.ต.ท.วิญญู แจ่มใส รอง ผกก.2 บก.ป. พ.ต.ท.ณธัชพงศ์ สินสิริยานนท์ สว.กก. 2 บก.ป. ได้ร่วมกันจับกุมตัว นายพังพะกาญจน์ กาญจนศักดินากุล อายุ 74 ปี อยู่บ้านเลขที่ 51/1 ถนนพัฒนา ตำบลตลาดเหนือ อำเภอเมืองภูเก็ต จังหวัดภูเก็ต ผู้ต้องหาตามหมายจับ ศาลจังหวัดภูเก็ต ที่ 268/2558ลงวันที่ 26 พฤษภาคม 2562 โดยกล่าวหาว่ากระทำความผิดฐาน “ร่วมกันฉ้อโกงทรัพย์”
พฤติการณ์ของแก๊งนี้ ถ้าพูดถึง “แก๊งควาย” แล้วคงไม่มีใครไม่รู้จัก กลุ่มคนร้ายเกินกว่า 100 คน ที่อาศัยการเล่นพนันกำถั่วในการหลอกลวงผู้เสียหาย โดย นายพังพะกาญจน์ฯ ผู้ต้องหา ซึ่งเป็นสมาชิกระดับต้น ๆ และเป็นหัวหน้าของแก๊ง ให้การว่า
การหลอกลวงเหยื่อ 1 ครั้ง จะมีตัวละคร ทั้งหมด 4 ตัว ได้แก่ 1.คนชักชวนผู้เสียหาย (คนจีบ) 2.เจ้ามือ (คนสอนเล่นกำถั่ว) 3.เสี่ย เจ้าของธุรกิจขนาดใหญ่ จากต่างประเทศ คือ ผู้ต้องหา 4. เหยื่อ
ขั้นตอนในการหลอกลวง เริ่มจาก คนจีบ จะเป็นคนหาเหยื่อมาให้ โดยแกล้งทำเป็นสนใจเกี่ยวกับธุรกิจหรืองานที่เหยื่อทำอยู่ จากนั้น ก็จะชักชวนเหงื่อให้มาหาที่โรงแรมภายในพื้นที่ เพื่อมาคุยเรื่องธุรกิจกันต่อ เมื่อเหยื่อมาถึงที่โรงแรม จะพบเจ้ามือนั่งรออยู่ในห้องของโรงแรม โดยอ้างว่าเป็นเพื่อนกับคนจีบ จากนั้นคนจีบจะชวนคุยเรื่องธุรกิจก่อน เมื่อเหยื่อเริ่มตายใจ เจ้ามือ จะเริ่มพูดถึง เสี่ยคนหนึ่งที่ได้เล่นการพนันกำถั่วกับพวกเขาไปเมื่อวานและเสียเงินไปหลายล้าน และกำลังนำเงินจำนวนมากมาแก้มือคืน ผ่านไปสักพักหนึ่ง ตัวละคร เสี่ย ก็จะเดินเข้ามาในห้องและเปิดเงินภายในกระเป๋าให้เหยื่อดูว่า ตนนั้นมีเงินจำนวนมากและจะมาเล่นกำถั่วเพื่อแก้มือ ซึ่งความจริงแล้ว เงินในกระเป๋านั้นมีเพียงธนบัตรวางไว้ด้านบนเพียงไม่กี่ใบ เมื่อเหยื่อเริ่มหลงเชื่อ ทางเจ้ามือก็จะชักชวนให้เหยื่อร่วมเล่นด้วยและสอนวิธีการเล่นกำถั่วให้
โดยการเล่นกำถั่วจะใช้อุปกรณ์เพียงแค่ 2อย่าง คือ 1.ถั่ว(จะเป็นวัตถุอะไรก็ได้ที่มีลักษณะเป็นเม็ด) 2.ฝาครอบลักษณะทึบ เมื่อเริ่มเล่น ทางเจ้ามือจะนำฝาครอบไปครอบถั่วไว้ โดยไม่ต้องนับจำนวน จากนั้น จะนำถั่วออกมาจัดเป็นกลุ่มเรื่อย ๆ กลุ่มละ 6 เม็ด และให้ทางเหยื่อเป็นคนทายว่า เศษที่เหลือนั้นจะเป็นจำนวนคู่ หรือจำนวนคี่ ถ้าหากเหยื่อไม่สนใจทางกลุ่มแก๊งควายก็จะไม่บังคับให้เล่นแต่ถ้าหากเหยื่อเกิดความโลภอยากได้เงิน ทางเจ้ามือก็จะนำ “ชิป” ให้กับเหงื่อเพื่อใช้แทนเงินสด (แก้ปัญหาหากเหยื่อไม่ได้นำเงินมาและทำให้แก๊งควายไม่ต้องใช้เงินจริงด้วย) เมื่อเริ่มเล่นไปประมาณ 5-6 เกมส์ แก๊งควายจะให้เหยื่อเป็นคนชนะเกมส์ก่อน เพื่อให้เหยื่อตายใจและอยากเล่นต่อ หลังจากเกมส์ที่ 6 เป็นต้นไป เจ้ามือจะเริ่มโกง โดยให้เสี่ย ชวนคุยเพื่อเบี่ยงเบนความสนใจ จากนั้นเจ้ามือจะแอบหยิบถั่วขึ้นมาหนึ่งเม็ดซ่อนไว้ ในจังหวะทำการเปิดฝาครอบเกมส์ต่อไป เจ้ามือจะแอบใส่ถั่วเม็ดดังกล่าวเข้าไปเพิ่ม ทำให้จำนวนถั่วที่เหลือจากคู่กลายเป็นคี่ หรือจากคี่กลายเป็นคู่ เมื่อเหยื่อเริ่มแพ้เกมส์ ก็จะยิ่งอยากได้เงินคืน จนทำให้สุดท้ายกลายเป็นติดหนี้แก๊งควาย ต้องเสียเงินทองเป็นจำนวนมาก ซึ่งเหยื่อบางคน ถึงขนาดนำโฉนดที่ดินของตนไปจำนองเพื่อนำเงินมาให้กับแก๊งควาย
เมื่อได้เงินมาแล้วกลุ่มแก๊งควายจะนำมาแบ่งกันตามสัดส่วนหน้าที่ของแต่ละคน ซึ่งคนที่ทำหน้าที่เป็น คนจีบ นั้นจะเป็นคนที่ได้ส่วนแบ่งเยอะที่สุด โดย นายพังพะกาญจน์ฯ รับสารภาพว่า หลังจากหลอกลวงเหยื่อมามากว่า 20 ปี ตั้งแต่อายุประมาณ 40 ปี มีผู้เสียหายเกินกว่า 10 คน เงินที่ได้จากการกระทำความผิดหลายล้านบาท หมายจับกว่า 12 หมาย ก็ได้หลบหนีมาพักอาศัยอยู่ที่ บ้านเช่าไม่มีเลขที่ ต.บ้านโข้ง อ.อู่ทอง จ.สุพรรณบุรี ประมาณ 2 เดือน เนื่องจากสุขภาพร่างกายอ่อนแอลง ทำให้ดูไม่น่าเชื่อถือเหมือนแต่ก่อน
จนถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุมตัวได้ในที่สุด ปิดฉากการหลบหนีอย่างยาวนาน จากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจได้พาผู้ต้องหามาที่ กก.2 บก.ป. เพื่อทำบันทึก และส่งตัวให้ พงส.ฯ สภ.เมืองภูเก็ต ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
โดยนายพังพะกาญจน์ฯ ผู้ต้องหา อยากฝากถึงประชาชนและเจ้าของกิจการ ว่าอย่าให้ความโลภครอบงำ หากเกิดความโลภแล้ว จะทำให้ขาดสติและตกเป็นเหยื่อของกลุ่มมิจฉาชีพอย่างที่ตนกระทำได้ง่าย ซึ่งเท่าที่ทราบยัง มีคนร้ายอีกมากมายที่อาศัยความโลภของมนุษย์ ในการหลอกลวง ทั้งนี้เท่าที่ตนเองทราบ ในจังหวัดภูเก็ตและใกล้เคียงยังมีอีกหลายรายที่ใช้วิธีการเช่นเดียวกับตน