เมื่อวันที่ 25 ก.ย.2562 ที่ ห้องประชุม ศปก.สภ.ไทรโยคจว.กาญจนบุรี พล.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รอง ผบ.ตร. (มค.) พร้อมด้วย พล.ต.ต.ชยพล ฉัตรชัยเดช รอง ผบช.ส.,พล.ต.ต.ณัฐธแก้ว เมตตามิตรพงศ์ ผบก.ประจำ สง.ผบ.ตร.
พล.ต.ต.ชยุต มารยาตร์ ผบก.ประจำ สพฐ.ตร.พ.ต.อ.กฤษศักดิ์ สงมูลนาค รอง ผบก.กระบี่ (ช่วยราชการ สง.รอง ผบ.ตร.) ได้เดินทางมาประชุมร่วมกับ พล.ต.ต. อภิชิต เทียนเพิ่มพูล รอง ผบช.ภ.7 ,ผบก.ภ.จว.กาญจนบุรี พร้อมด้วย เจ้าหน้าที่จากหน่วยงานฝ่ายปกครอง ตำรวจ ตชด.ปทส.เจ้าหน้าที่ ฝ่ายทหาร และ หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง หลังมีประชาชนร้องเรียนมีผู้มีอิทธิพลบุกรุกป่า พื้นที่ประมาณ 624 ไร่ ในเขตอำเภอเมืองและอำเภอไทรโยค จ.กาญจนบุรี ความเสียหายต่อภาครัฐ จำนวน 62,400,000 บาท หลังจากนั้นได้นำกำลังตำรวจ ปทส. ตชด. พนักงานสอบสวนสืบสวน และ ตำรวจพิสูจน์หลักฐาน เข้าตรวจยึดพื้นที่ ที่ถูกบุกรุก
พล.ต.อ.ศรีวราห์ กล่าวว่าจากการตรวจสอบพบที่ดินถูกบุกรุก 3 แปลง แปลงที่ 1 อยู่ริมห้วยแม่กะบาล ต.ศรีมงคล อ.ไทรโยค จ.กาญจนบุรี บุกรุกเนื้อที่ประมาณ 244 ไร่ มีการปลูกสร้างอาคาร และ ปลูกพืช แปลงที่ 2 ที่บริเวณเชิงเขาบ้านพุน้ำร้อน ต.บ้านเก่า อ.เมือง จ.กาญจนบุรี มีร่องรอยการการบุกรุกเนื้อที่ประมาณ 200 ไร่ มีการปลูกต้นยูคาลิปตัสอายุ 1 ปี และ มีการตัดไม้เบญจพรรณเพื่อปลูกพืชชนิดอื่นแทนที่ และแปลงที่ 3 บริเวณเชิงเขาบ้านพุน้ำร้อน ต.บ้านเก่า อ.เมือง จ.กาญจนบุรีมีร่องรอยการบุกรุกเนื้อที่ประมาณ 180 ไร่ ปลูกพืชต้นมะขาม มันสำปะหลัง และ กล้วย ฯ
ซึ่งพื้นที่ดังกล่าวเป็นพื้นที่รอยต่อชายแดนไทย-พม่า และ เป็นพื้นที่ต้นน้ำ ซึ่งเป็นที่ราชพัสดุอยู่ในเขตพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตหวงห้ามที่ดินในท้องที่ อ.เมือง อ.วังขนาย อ.บ้านทวน และ อ.วังกะ จ.กาญจนบุรีพ.ศ.2481 เพื่อประโยชน์ในราชการทหาร โดยกองทัพภาคที่ 1 เป็นหน่วยงานปกครองดูแลใช้ประโยชน์ ซึ่งทั้ง 3 แปลงไม่ได้อยู่ในเขตพื้นที่ประกาศเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษกาญจนบุรี และ ไม่ได้มีการพิจาณาจัดให้เช่า แต่พบมีกลุ่มนายทุนเข้ามาบุกรุกที่ ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างตรวจสอบว่าทั้ง 3 แปลงเป็นนายทุนกลุ่มเดียวกันหรือไม่ เบื้องต้นยังไม่พบมีหน่วยงานรัฐเข้ามาข้อง
โดยหลังจากนี้เจ้าหน้าที่ในพื้นที่จะเร่งดำเนินการนำตัวผู้ทีมีส่วนเกี่ยวข้องซึ่งทราบว่าเป็นลูกจ้างของกลุ่มนายทุน ส่งตัวให้ตำรวจสอบปากคำเพื่อขยายผลหานายทุนต่อไป โดยรองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ได้สั่งการให้ผู้บังคับการจังหวัดกาญจนบุรีให้ขยายผลทั้งข้อมูลทางการสืบสวน และ สอบสวนจับกุมผู้กระทำความผิดมาดำเนินคดี
ส่วนทางพื้นที่ทั้งกรมป่าไม้ หน่วยงานปกครองท้องถิ่น ฝ่ายปกครองระดับจังหวัดกาญจนบุรี และ หน่วยงานที่รับผิดชอบ รื้อถอนสิ่งปลูกสร้างแล้วดำเนินการปลูกป่าในส่วนที่ถูกทำลายเพื่อคืนสภาพพื้นที่ให้กลับสู่สภาพเดิม และ ตรวจยึดไม้ที่ถูกตัดทำลายพร้อมทำบัญชีไม้ที่ถูกทำลายทั้งหมดด้วย เนื่องจากพื้นที่ทั้งหมดเป็นพื้นที่ต้นน้ำลำธารต่อไป
สำหรับการบุกรุกพื้นที่ป่าซึ่งเป็นราชพัสดุ ถือมีความผิดตาม พ.ร.บ.ที่ราชพัสดุ พ.ศ.2562 มาตรา45 (กฎหมายใหม่) ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี หรือปรับไม่เกินหนึ่งแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ พ.ร.บ.ป่าไม้ พ.ศ.2484 มาตรา 54 , 55 และ 72 ตรี ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 2-5 ปี หรือปรับตั้งแต่ 1 หมื่นถึง 1 แสน บาท และ พ.ร.บ.ควบคุมอาคาร มาตรา 21 , 65 ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 3 เดือน หรือปรับไม่เกินหนึ่งหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ”พล.ต.อ.ศรีวรา กล่าว”