หน้าแรกกระบวนการยุติธรรมศาลอาญายกฟ้องแล้ว!! ​ "เสนาฯ" ตอบปมทนายหิ้วลูกความเร่ร้อง​ ยันยึดจริยธรรม​ -​ธรรมภิบาล​

ศาลอาญายกฟ้องแล้ว!! ​ “เสนาฯ” ตอบปมทนายหิ้วลูกความเร่ร้อง​ ยันยึดจริยธรรม​ -​ธรรมภิบาล​

เมื่อวันที่​20สิงหาคม​ทนายความ บริษัท เสนาดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด(มหาชน) เปิดเผยข้อเท็จจริง กรณีนายวิภาค ทองเทพ ซื้อห้องชุดเลขที่ 464/1 โครงการเดอะนิช ไอดี ลาดพร้าว 130 แขวงคลองจั่น เขตบางกะปิ กรุงเทพมหานคร และเดินทางพร้อมทนายความร้องทุกข์ต่อบก.ปคบและเข้าร้องเรียนต่อตลาดหลักทรัพย์​แห่งประเทศไทยว่า นายวิภาค ไม่ได้จองซื้อห้องชุดดังกล่าวกับบริษัท เสนาดีเวล ลอปเม้นท์ จำกัด( มหาชน) แต่อย่างใด แต่เป็นการซื้อกรรมสิทธิ์ห้องชุดขนาดพื้นที่ใช้สอย 46.02 ตารางเมตร ต่อจากนางสาวสุภษา สิริธนาสาร ที่ซื้อจากบริษัทฯ รับทราบและยอมรับเงื่อนไขที่ระบุไว้ทั้งทางนิตินัยและพฤตินัย โดยนางสาวสุภษาได้จองซื้อห้องดังกล่าวไว้ขณะที่บริษัทฯ กำลังก่อสร้าง ซี่งขณะนั้นนางสาวสุภษาทราบดีว่าในแผ่นโฆษณา มีข้อความสงวนสิทธิระบุไว้ชัดว่า “บริษัท สามารถเปลี่ยนแปลง แก้ไข โดยไม่จำเป็นต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า” ข้อความที่สงวนสิทธิไว้ก็ได้แจกจ่ายให้กับผู้ซื้อและนางสาวสุภษาเห็นว่าไม่เป็นสาระสำคัญ เพราะมีความประสงค์ที่จะซื้อไว้เอง อีกทั้งนางสาวสุภษาเป็นพนักงานในกลุ่มบริษัทฯ บริษัทฯ จึงไม่ได้ดำเนินการแก้ไขข้อความที่สงวนสิทธิ โดยบริษัทฯ โอนกรรมสิทธิ์เป็นของนางสาวสุภษา ตั้งแต่วันที่ 30 เมษายน 2556

ต่อมานางสาวสุภษา ซึ่งถือกรรมสิทธิ์ห้องชุดดังกล่าวโดยชอบ ทำสัญญาจะซื้อจะขายห้องชุดดังกล่าว ขนาดพื้นที่ใช้สอย 46.02 ตารางเมตร ตกลงราคาซื้อขาย 2.6 ล้านบาท และโอนกรรมสิทธิ์ให้นายวิภาค ทองเทพ และนางชนิดา สายธารธรรม เมื่อ 10 มีนาคม 2557 นายวิภาคจึงเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ นับแต่นั้นเป็นต้นมา โดยไม่ปรากฏว่านายวิภาคเป็นคู่สัญญากับบริษัท เสนาดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด(มหาชน) จากนั้นนายวิภาค ได้นำห้องชุดดังกล่าวไปตกแต่ง ตั้งเป็นสำนักงาน เพื่อใช้ประกอบการในการติดต่อและนำบุคคลภายนอกเข้า-ออก ซี่งนายวิภาคไม่สามารถทำได้
ทราบว่า นายวิภาค ซึ่งอ้างตนว่าเป็นผู้เชี่ยวชาญคร่ำหวอดในแวดวงอสังหาริมทรัพย์ ดังนั้นพึงต้องทราบในข้อกฎหมายเกี่ยวกับพระราชบัญญัติอาคารชุด(ฉบับที่ 4) พ.ศ. 2551 ตามที่ระบุชัดเจนในสัญญาซื้อขายและเอกสารทางราชการที่เกี่ยวข้องแล้ว แต่นายวิภาคกลับละเมิดด้วยการดัดแปลง ต่อเติมห้องดังกล่าวเป็นสำนักงาน ติดป้าย “บริษัท วิภาค พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด” ซึ่งผิดจากการอนุญาตและข้อบังคับของนิติบุคคลอาคารชุดและพระราชบัญญัติอาคารชุด ซ้ำยังรุกล้ำพื้นที่ใช้สอยส่วนกลางของอาคารชุด ยังความไม่พอใจแก่ผู้พักอาศัยในอาคารชุดดังกล่าว ทางนิติบุคคลอาคารชุดซึ่งมีหน้าที่ดูแลสิทธิประโยชน์ของผู้พักอาศัยในอาคารชุดอย่างถูกต้อง จึงมีหนังสือแจ้งแก่นายวิภาคว่าละเมิดข้อบังคับของนิติบุคคลฯ เมื่อ 25 สิงหาคม 2559 หลังนายวิภาคเข้าใช้ห้องชุดดังกล่าวนานมากกว่า 2 ปี

ทนายความ บริษัท เสนาดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด(มหาชน) ย้ำว่า บริษัท เสนาดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด(มหาชน) ได้ดำเนินการ จัดทำรายงานผลกระทบสิ่งแวดล้อม หรือ EIA จัดทำแผนผังอาคารชุด รวมทั้งจดทะเบียนอาคารชุดถูกต้องตามขั้นตอน
“ประเด็นสำคัญของเรื่องนี้ เมื่อวันที่ 18 มิถุนายน 2561 นายวิภาค เป็นโจทก์ยื่นฟ้องนางสาวสุภษา และบริษัท เสนาดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด(มหาชน) จำเลยที่ 1 และ 2 ตามลำดับ ต่อศาลอาญาข้อหาฉ้อโกงประชาชน ศาลได้มีคำพิพากษายกฟ้อง ในวันที่ได้ยื่นฟ้อง ในวันเดียวกันนายวิภาค เป็นโจทก์ยื่นฟ้องบริษัทฯ เป็นจำเลยที่ 1 กับพวกรวม 3 คน ต่อศาลแขวงพระนครเหนือ กล่าวหาผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 83 และ 137 (แจ้งข้อความอันเป็นเท็จต่อเจ้าพนักงาน) แต่ต่อมาวันที่ 16 ตุลาคม 2561 นายวิภาคถอนฟ้องคดีของศาลแขวงพระนครเหนือ จากนั้นวันที่ 21 ตุลาคม 2561 นายวิภาคเป็นโจทก์ยื่นฟ้องต่อศาลแพ่ง ต่อนางสาวสุภษาและบริษัทฯ เรียกค่าเสียหายมูลค่า 21 ล้านบาทเศษ ศาลแพ่งนัดฟังคำวินิจฉัยจากประธานศาลอุทธรณ์ ว่าเป็นคดีผู้บริโภค ตามที่โจทก์ยื่นให้วินิจฉัยหรือไม่ ในวันที่ 21 ตุลาคม 2562”

ทนายความ บริษัท เสนาดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด(มหาชน) เผยว่า เนื่องจากคดีนี้ยังอยู่ในกระบวนการพิจารณาของศาลยุติธรรม ดังนั้นการดำเนินการใดๆ พึงต้องพินิจพิจารณาอย่างระมัดระวังมิให้ก้าวล่วงดุลพินิจของศาลและละเมิดอำนาจศาล จากกรณีดังกล่าวบริษัท เสนา ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด(มหาชน) มิได้เพิกเฉยในประเด็นที่เกี่ยวข้อง แต่เพราะบริษัทเสนาดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) เป็นบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย การดำเนินการใดๆที่เกี่ยวเนื่องกับเรื่องซึ่งยังอยู่ในกระบวนการพิจารณาของศาลยุติธรรม ยิ่งต้องพึงระมัดระวังอย่างยิ่งยวดและดำเนินการอย่างรอบคอบที่สุด

“ขอยืนยันว่า บริษัท เสนาดีเวลลอปเม้นท์ จํากัด (มหาชน) ดําเนินธุรกิจโดยยึดหลักธรรมาภิบาล ยึดมั่นจรรยาบรรณ รับผิดชอบต่อสังคม รวมทั้งผู้มีส่วนได้เสียทุกฝ่าย และต่อต้านการทุจริตในทุกรูปแบบ”


 

RELATED ARTICLES
- Advertisment -spot_img
- Advertisment -spot_img
- Advertisment -spot_img