วันนี้ เวลา 15.00 น.ณ ห้องมหาเมฆ ชั้น 4 อาคาร 1 สตม.(สวนพลู) กทม. : พล.ต.ท.สมพงษ์ ชิงดวง ผบช.สตม.พร้อมด้วย พล.ต.ต.ภาคภูมิภิภัทฒ์ สัจจพันธุ์ รอง ผบช.สตม.,พล.ต.ต.สุรพงษ์ ชัยจันทร์ รอง ผบช.ภ.7 ปฏิบัติราชการ รองผบช.สตม.,พล.ต.ต.อาชยน ไกรทอง ผบก.ตม 3,พล.ต.ต.พนัญชัย ชื่นใจธรรม ผบก.สส.สตม.,พ.ต.อ.ภาส สิริสุขะ รองผบก.ตม.3,พ.ต.อ.สถิตย์ พรมอุทัย รองผบก.สส.ภ.2,พ.ต.อ.ทินกร รังมาตย์ รองผบก.ปส.3,พ.ต.อ.มานะ นาคทั่ง รองผบก.ภ.จ.นครศรีธรรมราช,พ.ต.อ.อิทธิพล จันทร์ศรีบุตร รองผบก.สกส.บช.ปส. ปฏิบัติราชการ สตม.,พ.ต.อ.รัชธพงศ์ เตี้ยสุด ผกก.สส.บก.ตม.3,พ.ต.อ.สัมพันธ์ เหลืองสัจจกุล ผกก.ตม.จ.ชลบุรี,พ.ต.อ.ปรม พฤทธิกุล ผกก.ฝอ.บก.สส.ภ.4,พ.ต.อ.ณรงค์ ชนะภัยกุล ผกก.ฝ่ายกิจการต่างประเทศ บก.อก.บช.ส.,พ.ต.อ.ทิวา โสภาเจริญ ผกก.ฝอ.ศทก. ปฏิบัติราชการ สตม. ร่วมแถลงข่าวการจับกุมคนร้ายแก๊ง Call Center ไต้หวัน
สืบเนื่องมาจากเมื่อวันที่ 14 สิงหาคม 2562 ชุดสืบสวน ศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมข้ามชาติ สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง ร่วมกับ กองกำกับการสืบสวนสอบสวน กองบังคับการตรวจคนเข้าเมือง 3 และตรวจคนเข้าเมืองจังหวัดชลบุรี ได้รับคำสั่งให้สืบสวนติดตามกลุ่มบุคคลชาวไต้หวันที่ใช้ประเทศไทยเป็นฐานในการกระทำผิด ข่มขู่เรียกเงินคนชาติเดียวกัน
ภายหลังจากที่ พล.ต.ท.สมพงษ์ ชิงดวง ผบช.สตม. ได้รับการร้องขอจากเจ้าหน้าที่ตำรวจไต้หวันประจำประเทศไทย ว่ามีกลุ่มคนร้ายชาวไต้หวันได้ตั้งฐานศูนย์โทรศัพท์ (Call Center) ในประเทศไทยแล้วโทรศัพท์ผ่านระบบโทรศัพท์ทางอินเตอร์เน็ต หรือ วีโอไอพี (VOIP : Voice Over Internet Protocol) ไปหลอกลวงเหยื่อชาวไต้หวันโดยปลอมเป็นเจ้าหน้าที่สำนักงานประกันสุขภาพ หลอกเหยื่อว่าบัตรประกันสุขภาพของเหยื่อถูกขโมยหลังจากนั้นมีการโอนสายที่สองอ้างเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจเพื่อ
โดยบอกเหยื่อว่าอัยการที่ดูแลเรื่องนี้ให้มาศาล โดยหลอกให้เหยื่อหลงเชื่อ ต่อมาจึงส่งแฟกซ์ซึ่งเป็นหนังสือราชการปลอมให้กับเหยื่อ เหยื่อจึงหลงเชื่อว่าเป็นความจริง จึงมีการโอนเงินผ่านบัญชีธนาคารของไต้หวันที่เปิดรองรับไว้แล้วมีกลุ่มคนร้ายอีกกลุ่มถอนเงินออก เบื้องต้นกลุ่มคนร้ายกลุ่มนี้หลอกลวงเหยื่อตั้งแต่ประมาณเดือน ตุลาคม 2561 ถึงปัจจุบัน ความเสียหายที่ผู้เสียหายแจ้งความร้องทุกข์ที่ไต้หวันแล้ว จำนวน 21 ราย รวมความเสียหายประมาณ 30 ล้านบาท
พล.ต.ท.สมพงษ์ฯ จึงได้สั่งการให้ชุดจับกุมสืบสวนจนทราบว่ากลุ่มคนร้ายตั้งฐานเป็นศูนย์โทรศัพท์อยู่ในบ้านเดี่ยวหลังใหญ่ อยู่ที่หมู่ 4 ต.สเม็ด อ.เมือง จ.ชลบุรี สืบสวนพบชาวไต้หวัน จำนวน 13 คน เป็นบุคคลมีพฤติการณ์เป็นภัยต่อสังคมฯ ผบก.ตม.3 จึงดำเนินการเพิกถอนการอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักร และควบคุมกักตัวไว้ที่ห้องกัก สตม. เพื่อรอผลักดันส่งกลับไต้หวันต่อไป
จากการตรวจสอบบ้านพักที่เป็นศูนย์โทรศัพท์ (Call Center) พบของกลางเป็นอุปกรณ์ที่ใช้ในการกระทำความผิดโดยการหลอกลวงผู้เสียหายชาวไต้หวัน เช่น โทรศัพท์มือถือ จำนวน 44 เครื่อง,คอมพิวเตอร์โน๊ตบุ๊ค จำนวน 10 เครื่อง,เครื่องปล่อยสัญญาณอินเตอร์เน็ต (เร้าเตอร์) จำนวน 17 เครื่อง,กล่อง Voip Gateway จำนวน 23 กล่อง,เครื่องโทรศัพท์บ้าน จำนวน 43 เครื่อง,ซิมการ์ดที่ยังไม่ได้ใช้งาน เครือข่าย Dtac จำนวน 5 ชิ้น,ซิมการ์ด Roaming ยี่ห้อ Blackberry จำนวน 4 ชิ้น,เครื่องบันทึกเสียงไม่ทราบยี่ห้อ จำนวน 3 เครื่อง,แผ่นกระดาษ และสมุดจดบันทึกเป็นภาษาจีน (สคริปต์บทสนทนาหลอกลวง) จำนวนมาก,หนังสือจิตวิทยาขั้นสูงในการก่ออาชญากรรม ฉบับภาษาจีน จำนวน 1 เล่ม และแฟลชไดร์ฟ จำนวน 3 ชิ้น
ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ตำรวจไต้หวันให้ความสำคัญกับคดีนี้มากใช้ระยะเวลาในการสืบสวนติดตามเป็นระยะเวลานานเนื่องจากกลุ่มคนร้ายมีความสามารถในการหลบซ่อน และหลอกลวงเหยื่อจำนวนมากมีมูลค่าความเสียหายสูง โดยในวันนี้ทางการไต้หวันได้ส่งเจ้าหน้าที่ตำรวจไต้หวัน จำนวน 5 นาย เดินทางเข้าพบ พล.ต.ท.สมพงษ์ฯ เพื่อประสานงานและขอตรวจสอบพยานหลักฐานที่ตรวจยึดไว้ ซึ่งจะต้องทำการสืบสวนขยายผลประสานข้อมูลกับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจคนเข้าเมือง อย่างต่อเนื่อง
พล.ต.ท.สมพงษ์ฯ กล่าวทิ้งท้ายว่า ขอเรียนให้ประชาชนทราบว่า สตม.มีมาตรการในการตรวจสอบ กวดขัน และปราบปรามการกระทำความผิดในด้านต่างๆ รวมทั้งดำเนินการตรวจสอบชาวต่างชาติที่มีพฤติกรรมไม่เหมาะสม กระทำผิดกฎหมาย ก่อเหตุอันตรายต่อความสงบสุขและความปลอดภัยในชีวิตทรัพย์สินของประชาชน ทำให้เกิดความเสียหายต่อภาพลักษณ์ของประเทศชาติ หากประชาชนท่านใดพบเห็นเบาะแสการกระทำความผิด กรุณาแจ้งมายัง สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง เลขที่ 507 ซ.สวนพลู แขวงทุ่งมหาเมฆ เขตสาทร กรุงเทพมหานคร 10120 หรือที่หมายเลขโทรศัพท์ 1178 หรือที่ www.immigration.go.th จักขอบพระคุณเป็นอย่างยิ่ง