หน้าแรกกระบวนการยุติธรรม'ชุดพญาเสือ' พร้อม จนท. ชุดจับกุม 'เจ้าสัวเปรมชัย'ให้ปากคำ ปมคลิปเสียงให้สินบน

‘ชุดพญาเสือ’ พร้อม จนท. ชุดจับกุม ‘เจ้าสัวเปรมชัย’ให้ปากคำ ปมคลิปเสียงให้สินบน

ที่กองบังคับการกระทำความผิดเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม(ปทส.) ถ.พหลโยธินบางเขน ผู้สื่อข่าวรายงานถึงความคืบหน้าในการดำเนินคดีนายเปรมชัย กรรณสูต ประธานบริหารบริษัท อิตาเลียนไทย และพวก กรณีพบอาวุธปืน และซากสัตว์ป่าสงวน ภายในแคมป์พักแรม ภายในป่าทุ่งใหญ่นเรศวร จังหวัดกาญจนบุรี วันนี้นายชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร หัวหน้าหน่วยพญาเสือ กรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช พร้อม นายวิเชียร ชิณวงษ์ หัวหน้าเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวรด้านตะวันตก และเจ้าหน้าที่กรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช เดินทางมาให้ปากคำเพิ่มเติมกับพนักงานสอบสวนกองบังคับการตำรวจปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งเเวดล้อม หรือ บก.ปทส. ถึงประเด็นการตรวจสอบคลิปเสียง และการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่อุทยานในช่วงเกิดเหตุ

นายชัยวัฒน์ เปิดเผยว่า จากคลิปเสียงการเจรจาระหว่างผู้ต้องหากับเจ้าหน้าที่กับเจ้าหน้าที่ ตามที่ได้เผยแพร่ออกไปนั้น ยืนยันว่าเป็นคลิปเสียงจริงที่เกิดขึ้นหลังการจับกุม ประมาณ2-3เสียง แต่ไม่ยืนยันว่าเป็นเสียงของนายเปรมชัยหรือไม่

ส่วนการขออนุญาตเข้าพื้นที่ของนายเปรมชัยและพวกนั้น พบว่ามีการทำหนังสือขออนุญาตมายังกรมอุทยานฯแล้ว แต่ยังไม่มีการเซ็นอนุญาต แต่ในทางปฏิบัติไม่ถือว่าเป็นความหละหลวมของเจ้าหน้าที่เพราะโดยปกติ หากมีกลุ่มบุคคลขอเข้าพื้นที่เจ้าหน้าที่จะอำนวยความสะดวกให้อยู่แล้ว ประกอบกับคิดว่านายเปรมชัยเป็นนักธุรกิจ มาท่องเที่ยวตรมปกติไม่ได้คิดว่ามาล่าสัตว์ โดยพฤติกรรมของนายเปรมชัยที่มีการพกปืนยาวและเกลือจำนวนมากแสดงให้เห็นได้ชัดเจนว่าเป็นการเตรียมการ ซึ่งจำนวนเกลือที่พบสามารถดำรงชีวิตในป่าได้ถึง 2 เดือน ส่วนเรื่องที่หากทนายความจะใช่ข้อกฎหมายอ้างว่าการยิงเพื่อป้องกันตนเองเนื่องจากเกรงกลัวว่าเสื้อจะมาทำร้าย ยืนยันว่าโดยปกติแล้วสัตว์ป่าจะเกรงกลัวมนุษย์ หากไม่ทำร้ายมันก่อนก็ไม่รบกวน รวมถึงกรณีนายเปรมใช้อ้างว่าตนเองไม่ได้เป็นคนถือปืนและลงมือจริงล่าสัตว์แต่เป็นลูกน้องที่เป็นผู้ลงมือกรณีดังกล่าวถือว่านายเปรมชัยเป็นผู้อยู่เบื้องหลังและสนับสนุนให้กระทำความผิดซึ่งมีโทษตามกฎหมายเช่นเดียวกัน ครั้งอาวุธปืนดังกล่าวทะเบียนเป็นชื่อของนายเปรมชัย

นอกจากนี้นายชัยวัฒน์ ยังเผยถึงข้อมูลของเสือดำตัวนี้ว่า เป็นเพียงตัวเดียวที่พบในพื้นป่าทุ่งใหญ่นเรศวร และมักจะเดินออกมาปรากฏให้นักท่องเที่ยวเห็นอยู่เป็นประจำ สำหรับข้อมูลพื้นฐานของการกำเนิดเสือดำ คือกำเนิดมาจากเสือดาวที่มีพันธุ์กรรมที่ผิดเพี้ยนไป และมักจะอ่อนแอที่สุดจึงทำให้เสือดำรอดจากการดำรงชีวิตในป่ายาก และมักจะแยกตัวออกมาจากฝูงเสือดาว จึงทำให้จำนวนเสือดำน้อย และเป็นเสือที่หายาก

ขณะที่ นายวิเชียร ระบุถึงคลิปเสียงที่เป็นการต่อรองการจับกุมของเจ้าหน้าที่นั้น ว่า ตนยังไม่สามารถยืนยันได้ว่าเสียงที่ปรากฏเป็นของทีมงานนายเปรมชัย หรือตัวนายเปรมชัยเอง เนื่องจากขณะนั้นตนอยู่ระหว่างทำบันทึกจับกุม แต่ยอมรับว่ามีการมาพูดกับตนส่วนตัวในลักษณะคล้ายหยั่งเชิง แต่ไม่แน่ใจว่าเป็นการต่อรองหรือไม่ โดยรายละเอียดคำพูดขอไม่เปิดเผย ทั้งนี้มองว่าคลิปดังกล่าวถูกปล่อยออกมาเพื่อเป็นการดิสเครดิตเจ้าหน้าที่ ทั้งนี้ยืนยันว่าไม่ย่อท้อ และจะยังตั้งใจทำงาน พร้อมให้กำลังใจลูกน้องให้เข้มแข็ง ส่วนในกรณีที่ทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตน์ ราชกัญญาสิริวัฒนาพรรณวดี โพสต์ให้กำลังใจและชื่นชมการทำงานของนายวิเชียรและทีมงานนั้น ตนรู้สึกปลาบปลื้มใจมาก เหมือนน้ำทิพย์ตกลงมาบนยอดหญ้า ให้ชุ่มชื่นใจ และเป็นพระมหากรุณาธิคุณอย่างมาก สร้างกำลังใจให้เจ้าหน้าที่มีแรงจะทำงานต่อไปได้
โดยการสอบสวนของตำรวจในครั้งนี้ พลตำรวจเอกศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติได้เดินทางมาเป็นประธานการสอบสวน โดยก่อนเริ่มสอบสวน พลตำรวจตรีชยพล ฉัตรชัยเดช รองผู้บัญชาการสันติบาลเปิดเผย ว่าพนักงานสอบสวนจะทำการสอบสวนเจ้าหน้าที่อุทยานที่เข้าเวรในวัน2-4กุมภาพันธ์และชุดจับกุมเพื่อไล่ลำดับเวลาก่อนจับกุม ขณะจับกุม และหลังจับกุม อย่างละเอียด และสอบสวนเจ้าหน้าที่ที่เป็นเจ้าของคลิปถึงเหตุการณ์การเจรจาต่อรองในคลิปเสียงดังกล่าวว่าบุคคลที่ต่อรองคือใคร พบว่าเข้าข่ายการกระทำความผิดติดสินบนเจ้าพนักงานก็จะมีการแจ้งข้อหาเพิ่มเติมในภายหลัง


 

RELATED ARTICLES

ทิ้งคำตอบไว้

กรุณาใส่ความคิดเห็นของคุณ!
กรุณาใส่ชื่อของคุณที่นี่

- Advertisment -spot_img
- Advertisment -spot_img
- Advertisment -spot_img