หน้าแรกกระบวนการยุติธรรมกอง​ปราบ​ฯ​ บุกจับหนุ่มคาลานจอดรถสนามบินดอนเมือง

กอง​ปราบ​ฯ​ บุกจับหนุ่มคาลานจอดรถสนามบินดอนเมือง

กอง​ปราบ​ฯ​ บุกจับหนุ่มคาลานจอดรถสนามบินดอนเมือง อ้างตัวเป็นผู้การกองปราบฯ ค้นรถเบนซ์ป้ายแดง พบปืนสั้น จำนวน 5 กระบอก เงินสดอีก 4 ล้าน พร้อมยาไอซ์ ผู้ต้องหาอ้าง ทำธุรกิจขายล๊อตเตอรี่ ขนเงินเยอะเลยต้องพกปืนไว้ป้องกันตัว

วันนี้​ วัน​พุธ​ที่ 24 ก.ค.62​ เวลา 15.30 น.ที่กองบังคับการ​ปราบปราม : พล.ต.ต.จิรภพ ภูริเดช ผบก.ป. พร้อมด้วยพ.ต.อ.สุรพงษ์ ชาติสุทธิ์ รองผบก.ป.,พ.ต.อ.ธงชัย อยู่เกษ ผกก.1 บก.ป.,พ.ต.อ.บุญลือ ผดุงถิ่น ผกก. 3 บก.ป. และพ.ต.อ.วิจักขณ์ ตารมย์ ผกก.สนับสนุน บก.ป. ร่วมแถลงข่าวผลการจับกุม​ นายณัฐพงษ์ ธรรมทอง อายุ 37 ปี อยู่บ้านเลขที่ 66/34 รัชดา-รามอินทรา แขวงรามอินทรา เขตคันนาว กทม. ผู้ต้องหาคดีครอบครองอาวุธปืน และยาเสพติด (ยาไอซ์) ซึ่งจับกุมตัวได้ที่อาคารจอดรถภายในสนามบินดอนเมือง กรุงเทพฯ จากการตรวจค้นรถยนต์ยี่้ห้อเบนซ์ ป้ายแดงเบนซ์ รุ่น GLC 250 D ของผู้ต้องหาพบอาวุธปืนออโตเมติก ทั้งกล็อคและโค้ท จำนวน 5 กระบอก เงินสดอีก 4 ล้านบาท ก่อนนำตัวมาสอบสวนขยายผลการจับกุม

พล.ต.ต.จิรภพฯ กล่าวว่า ก่อนหน้านี้ได้มีผู้ให้ข้อมูลว่า เมื่อวันที่ 21 ก.ค.62​ ที่๋ผ่านมา ได้มีผู้ขับรถเบนซ์ป้ายแดงเข้าไปฝากจอดที่อาคารจอดรถสนามบินดอนเมือง พร้อมอ้างตัวว่าเป็น “ผู้การกองปราบฯ” และจะมารับรถในวันที่ 22 ก.ค.62​ สงสัยว่ารถคันดังกล่าว น่าจะมีสิ่งของผิดกฎหมายซุกซ่อนอยู่ หลังทราบเรื่องตนก็สั่งการให้ชุดสืบสวนกองปราบฯ ทำการตรวจสอบทันที โดยเมื่อเวลาประมาณ 18.05 น.วันที่ 22 ก.ค.62​ ที่ผ่านมา พบผู้ต้องหาขับรถคันดังกล่าว ติดแผ่นป้ายทะเบียน (ป้ายแดง) ต 9345 กทม. ออกมาจากอาคารที่จอดรถ ภายในประเทศ เจ้าหน้าที่จึงแสดงตัวเข้าตรวจสอบทันที ภายในรถพบนายณัฐพงษ์ฯ เป็นคนขับ ตรวจสอบแล้วไม่ได้เป็นตำรวจตามที่กล่าวอ้าง จึงเข้าตรวจค้นรถ พบปืนกล็อค 3 กระบอก โค้ลท์ 1 กระบอก .380 อีก 1 กระบอก กระสุนปืนอีก 116 นัด อุปกรณ์ส่วนควบอาวุธปืนอีกส่วนหนึ่งอยู่บริเวณท้ายรถ เมื่อค้นอย่างละเอียดยังพบเงินสดอยู่ในกระเป๋าเดินทางอีก 2 กระเป๋า เป็นเงินประมาณ 4 ล้านบาท อุปกรณ์เสพยาเสพติด 1 ชุด และยาไอซ์อีกประมาณ 0.52 กรัม ซุกซ่อนอีกด้วย จึงควบคุมตัวนายณัฐพงษ์ฯ​ ไปตรวจหาสารเสพติด ก็พบว่ามีสารเสพติดในร่างกาย ก่อนควบคุมตัวมาดำเนินคดี

พล.ต.ต.จิรภพฯ เปิดเผยต่อว่า สอบสวนนายณัฐพงษ์ฯ ยังให้การปฏิเสธ อ้างว่าตนเองและคนในครอบครัวทำธุรกิจเกี่ยวกับซื้อขายสลากกินแบ่งรัฐบาล โดยส่งให้กับบรรดาพ่อค้าแม่ค้าที่จังหวัดเลย นอกจากนี้ยังทำธุรกิจเกี่ยวกับรถตู้โดยสารวิ่งระหว่างอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ-สมุทรสาคร และหมอชิต-สมุทรสาคร มีรถอยู่ประมาณ 50 คัน ทำให้เวลาไปไหนมาไหนก็จำเป็นจะต้องมีอาวุธปืนไว้เพื่อป้องกันตัวและทรัพย์สิน และการอ้างเป็นผู้การกองปราบฯก็เพื่อใช้เปิดทางไม่ให้ถูกตรวจค้นจนถูกจับกุม ซึ่งวันที่ถูกจับกุมก็เพิ่งไปรับเงินที่ขายสลากฯจากลูกค้ามาดังกล่าว

พล.ต.ต.จิรภพฯ กล่าวอีกว่า ต่อมาวันนี้ ตนจึงสั่งการให้พนักงานสอบสวน ขอหมายค้นศาลอาญาและศาลจังหวัดมีนบุรี เข้าตรวจค้นบ้านพัก บริษัท และคอนโดมิเนียมของนายณัฐพงษ์ฯ รวม 4 จุด คือ ที่บ้านเลขที่ 9/12 ซอยรัชดาภิเษก 33 แขวง-เขตจตุจักร ซึ่งนายณัฐพงษ์ฯ เช่าไว้เป็นที่ประกอบกิจการรถตู้ขนส่งมวลชน ขสมก. พบโพยหวยใต้ดินจำนวนหนึ่ง เครื่องคอมพิวเตอร์ อาวุธปืนยาว พร้อมอุปกรณ์ส่วนควบอาวุธปืน กัญชาแห้งประมาณ 23.6 กรัม กระสุนปืนชนิดต่าง ๆ ประมาณ 2,759 นัด รวมถึงใบอนุญาตที่เกี่ยวข้องกับอาวุธปืน รวมทั้งสิ้น 39 รายการ
จุดที่ 2-3 เข้าค้นบ้านเลขที่ 599/12-13 ซอยรัชดาภิเษก 29 หมู่บ้านกลางกรุงรัชวิภา ถนนกำแพงเพชร แขวงลาดยาว เขตจตุจักร ซึ่งเป็นบ้านสองหลังอยู่ติดกัน พบเงินสดอีกประมาณ 3.8 ล้านบาท อาวุธปืนยาว อาวุธปืนสั้น รวม 14 กระบอก ชุดอุปกรณ์ส่วนควบอาวุธปืน 6 ชิ้น กระสุนปืนชนิดต่าง ๆ อีก 100 กว่านัด และยังพบอีกว่าอาวุธปืนบางกระบอกมีการสับเปลี่ยนลำกล้อง ท่ออุปกรณ์เก็บเสียง ซึ่งถือว่าเป็นยุทธภัณฑ์ ก่อนรวบรวมนำส่งตรวจตรวจสอบ ว่ามีประวัติเกี่ยวข้องกับคดีหรือไม่

ส่วนจุดที่ 4 เข้าตรวจค้นห้องพักเลขที่ 66/34 ตึกA ชั้น 7 คอนโดแชมเบอร์รามอินทรา แขวง-เขตคันนายาว กรุงเทพฯ พบวัตถุคล้ายเป็นพืชกัญชาตากแห้ง จำนวนหนึ่ง พร้อมกับพบมวนบุรี่ที่เอายาสูบออกแล้ว และยาสูบอยู่ในกล่องพลาสติกอีก 1 กล่อง

พล.ต.ต.จิรภพฯ กล่าวด้วยว่า หลังการตรวจค้นเสร็จสิ้น ก็ได้นำอาวุธปืน กระสุนปืน รวมทั้งสิ่งของที่ตรวจค้นพบทั้งหมดส่งมอบให้พนักงานสอบสวน กก.1 บก.ป. เพื่อตรวจสอบว่าอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน ดังกล่าวได้มาอย่างถูกต้องหรือไม่ ส่วนโพยหวยใต้ดิน และยาเสพติดให้โทษประเภท 5 (กัญชา) ก็ได้ให้มีการดำเนินเพิ่มเติม พร้อมกับนำตัวนายณัฐพงษ์ฯ ผู้ต้องหาไปขออำนาจศาลอาญาฝากขังแล้ว

พล.ต.ต.จิรภพฯ กล่าวอีกว่า จากการสืบสวน ทราบด้วยว่า ผู้ต้องหานั้นเป็นลูกน้องของเสธฯทหารนอกราชการคนดัง ซึ่งอยู่ระหว่างการตรวจสอบข้อมูลอยู่ว่า เคยมีประวัติเกี่ยวข้องกับคดีอาชญากรรมหรือไม่ ส่วนภรรยาของผู้ต้องหานั้นก็มีประวัติเคยถูกดำเนินคดีฉ้อโกงมาก่อน ดังนั้นตนอยากฝากเตือนประชาชนด้วยว่าหากใครไปแอบอ้างเป็นผู้การกองปราบฯ หรือเป็นตำรวจกองปราบฯ ก็ขอให้เขาแสดงบัตร หากไม่แน่ใจว่าเป็นตำรวจกองปราบฯ​ จริงหรือไม่ ก็ให้ถ่ายรูปบัตรแล้วส่งมาให้กองปราบฯ ตรวจสอบให้ได้ทันที เพื่อป้องกันพวกแอบอ้างหาผลประโยชน์หรือหลีกเลี่ยงถูกจับกุมสิ่งผิดกฎหมาย


RELATED ARTICLES

ทิ้งคำตอบไว้

กรุณาใส่ความคิดเห็นของคุณ!
กรุณาใส่ชื่อของคุณที่นี่

- Advertisment -spot_img
- Advertisment -spot_img
- Advertisment -spot_img