น.ส.เกศปรียา แก้วแสนเมือง โฆษกพรรคเพื่อชาติ กล่าวว่า เมื่อปี 2559 มีสื่อมวลชนถาม พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ว่า เมื่อใดรัฐบาลคสช.จะจัดการเลือกตั้ง ซึ่ง พล.อ.ประยุทธ์ ถามกลับว่าถ้าเลือกตั้งแล้วได้คนเฮงซวยกลับเข้ามาจะทำอย่างไร
โฆษกพรรคเพื่อชาติ กล่าวต่อว่า สุดท้ายเมื่อลากยาวการเลือกตั้งให้ พล.อ.ประยุทธ์ อยู่ในอำนาจต่อมาอีก 3 ปี เมื่อวันที่ 24 มีนาคม 2562 ได้มีการเลือกตั้ง เวลาผ่านมา 100 กว่าวัน สส.ที่เป็นผู้สนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ ในการสืบอำนาจ ทั้งพรรคร่วมรัฐบาล และพรรคพลังประชารัฐนั้น พบว่า มีข่าวขู่แย่งตำแหน่งแบ่งปันผลประโยชน์ส่วนตนไม่ลงตัวทุกสัปดาห์ ส่วน 7 พรรคฝ่ายค้านมีแต่ข่าวเสียสละไม่รับตำแหน่ง พร้อมทำหน้าที่ตรวจสอบการบริหารงานการใช้งบประมาณ เพื่อประเทศชาติและประชาชน
นอกจากนี้รายชื่อคณะรัฐมนตรีที่เพิ่งนำทูลเกล้าฯ มีรายชื่อบุคคลที่มีประวัติที่ตามมาตรฐานของประชาชนส่วนใหญ่เรียกว่า “คนเฮงซวย” ตามที่พล.อ.ประยุทธ์เคยระบุไว้ ซึ่งตามรัฐธรรมนูญ พ.ศ.2560 ระบุว่าว่าที่รัฐมนตรีบางคนนั้นเป็นบุคคลต้องห้ามมิให้เป็นรัฐมนตรี ทั้งจากมาตรฐานกฎหมาย และจริยธรรม
“การแย่งชิงตำแหน่งเพื่อผลประโยชน์ส่วนตน และการคัดเลือกว่าที่รัฐมนตรีที่มีอดีตสีเทาดำ บางรายกระบวนการยุติธรรมเบื้องต้นฟอกขาวให้ แต่ค้านสายตาคนทั้งประเทศ ขอถามว่าการแต่งตั้งบุคคลที่ประชาชนส่วนใหญ่รับไม่ได้มาบริหารประเทศ ผู้ที่เลือกบุคคลเหล่านี้มีจริยธรรมหรือไม่ คิดถึงประโยชน์สูงสุดของประเทศหรือประโยชน์ส่วนตนในการสืบอำนาจ หรือว่าตัวผู้แต่งตั้งเองก็เคยมีประวัติเป็นผู้ฉีกกฎหมายสูงสุดของประเทศ เพื่อขึ้นมาสู่อำนาจการบริหารประเทศ ซึ่งก็คือการล้มล้างการปกครอง เลยให้โอกาสคนที่เคยมีประวัติด่างๆ ดำๆ เช่นตนเอง ขอฝากถามว่าผู้ที่มีบุคคลสนับสนุนเป็นคนเฮงซวยในสายตาประชาชนส่วนใหญ่นี่เฮงซวยด้วยกันหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ตอบได้หรือยังว่าการได้คนเฮงซวยในสายตาประชาชนส่วนใหญ่มาสนับสนุนสืบทอดอำนาจแล้วจะทำอย่างไร” โฆษกพรรคเพื่อชาติ กล่าว
