ณ ลานแถลงข่าว ชั้น 1 อาคารกองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) พลตำรวจโท สุทธิพงษ์ วงษ์ปิ่น ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล (ผบช.น.) พร้อมด้วย พลตำรวจตรี เอกชัย บุญวิสุทธิ์ ผู้บังคับการตำรวจนครบาล 2 (ผบก.น.2),พันตำรวจเอก ชุมพล ชาญชนะโยธิน รองผู้บังคับการตำรวจนครบาล 2 (รองผบก.น. 2),พันตำรวจเอก ชนะวรศิณธุ์ ศุภพนารักษ์ ผู้กำกับการสถานีตำรวจนครบาลประชาชื่น (ผกก.สน.ประชาชื่น),พันตำรวจเอก ชูศักดิ์ ศรีวงษ์ชัย ผู้กำกับการ สืบสวนสอบสวนกองบังคับการตำรวจนครบาล 2 (ผกก.สส.บก.น.2) พร้อมกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจฝ่ายสืบสวน สน.ประชาชื่น และกก.สส.บก.น.2 ได้เร่งรัดติดตามจับกุมคนร้ายที่ก่อเหตุมาดำเนินคดีตามกฎหมาย จนร่วมกันสืบสวนจับกุมตัวผู้ต้องหาคือนายธนาทรัพย์ หรือ บิ๊ก ศันสนะโชติรัศมี อายุ 20 ปี ตามหมายจับศาลอาญาที่ 944/2562 ลงวันที่ 2 กรกฎาคม 2562 ในความผิด ร่วมกันชิงทรัพย์โดยใช้ยานพาหนะในเวลากลางคืน
พ.ต.อ.ชนะวรศิณธุ์ฯ กล่าวว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมได้รับรายงานว่า เมื่อวันที่ 2 ก.ค.62 เวลาประมาณ 04.25 น.ได้มีผู้ก่อเหตุชิงทรัพย์ที่ร้านสะดวกซื้อ เซเว่นอีเลฟเว่น มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลพระนครเหนือ (มทร.พระนครเหนือ) ถนน ประชาราษฎร์สาย 1 แขวง วงศ์สว่าง เขตบางซื่อ กรุงเทพฯ ในพื้นที่ สน.ประชาชื่น ทรัพย์สินที่ได้ไป เป็นเงินสด 59,960.50 บาท คนร้ายใช้ยานพาหนะ จักรยานยนต์ ยี่ห้อ Yamaha รุ่น Nmax สีน้ำเงิน ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน โดยเป็นชายวัยรุ่น จำนวน 2 คน แต่งกายมิดชิด ใส่หมวกกันน็อคเต็มใบ ใช้อาวุธปืนไม่ทราบขนาดและประเภทขมขู่
พ.ต.อ.ชนะวรศิณธุ์ฯ กล่าวต่อว่า โดยต่อมาเวลา 18.00 น. วันเดียวกันเจ้าหน้าที่ตำรวจสืบทราบว่าคนร้ายพักอาศัยอยู่ที่ ซ.พิบูลสงคราม 2 แยก 2 ต.บางเขน อ.เมือง จ.นนทบุรี จึงนำกำลังเข้าตรวจสอบจนกระทั่งนำไปสู่การตรวจยึดของกลางที่คนร้ายใช้ก่อเหตุได้ในที่สุดประกอบด้วย รถจักรยานยนต์สีน้ำเงิน ยี่ห้อยามาฮ่า N-MAX สีน้ำเงิน ทะเบียน 9 กณ 6053 หมวกกันน็อคสีขาวเหลืองจำนวน 1 ใบ เสื้อผ้าชุดที่ผู้ต้องหาสวมใส่จำนวน 1 ชุด ประกอบด้วยเสื้อคลุม กางเกงขายาวและ รองเท้าแตะ ต่อมาได้รวบรวมพยานหลักฐานจนทราบว่าคนร้ายคือ นายธวัชชัย หรือโป้ง รัตนภาณุ อายุ 43 ปี และ นายธนาทรัพย์ หรือ บิ๊ก ศันสนะโชติรัศมี อายุ 20 ปี โดยสามารถออกหมายจับผู้ต้องหาทั้งสองได้ตามหมายจับศาลอาญาที่ 943/2562 และ 944/2562 ลงวันที่ 2 ก.ค.62 ความผิดฐานร่วมกันชิงทรัพย์โดยใช้ยานพาหนะในเวลากลางคืน ได้ตามลำดับ โดยสามารถจับกุมตัว นายธนาทรัพย์ฯ ได้ในที่สุด ส่วน นายธวัชชัยฯ หลบหนีไปได้อยู่ระหว่างการติดตามตัวมาดำเนินคดีต่อไป
เบื้องต้นนายธนาทรัพย์ฯ ให้การรับสารภาพว่าเป็นผู้ก่อเหตุจริงที่ลงมือทำไปเพราะ นายธวัชชัยฯ ชักชวน โดยตนเองติดหนี้พนันกำลังร้อนเงินต้องการหาเงินไปใช้หนี้ ส่วนเงินที่ได้มาทั้งหมดได้ฝากไว้กับ นายธวัชชัยฯ ที่กำลังหลบหนี เบื้องต้นได้ตรวจสอบประวัติของผู้ต้องหาทั้งสอง ไม่พบว่าเคยก่อเหตุ และไม่เคยถูกคุมขังในเรือนจำมาแต่อย่างใด โดยความผิดฐาน ร่วมกันชิงทรัพย์โดยใช้ยานพาหนะในเวลากลางคืนนั้นผิดตาม มาตรา 339 วรรคสอง ประกอบมาตรา 335 ผู้กระทำต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่สิบปีถึงสิบห้าปี และปรับตั้งแต่สองหมื่นบาทถึงสามหมื่นบาท เจ้าหน้าที่จึงนำตัวนายธนาทรัพย์ฯ ส่งพนักงานสอบสวน สน.ประชาชื่น ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป