วันนี้ (1 กรกฎาคม 2562) ณ วัดบวรนิเวศราชวรวิหาร กรุงเทพมหานคร ดร.ชาติชาย พยุหนาวีชัย ผู้อำนวยการธนาคารออมสิน เป็นประธานในพิธีบรรพชาอุปสมบท ในโครงการ “อุปสมบท 1,010 รูป ทั่วไทย เฉลิมพระเกียรติ เนื่องในโอกาสมหามงคลพระราชพิธีบรมราชาภิเษก” ภายใต้โครงการธนาคารเพื่อส่งเสริมพระพุทธศาสนา โดยสมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก (อัมพร อมฺพโร) ได้ประทานผ้าไตร เพื่ออัญเชิญไปประกอบพิธีบรรพชาอุปสมบทเฉลิมพระเกียรติพร้อมกัน 1,010 รูป 18 วัดทั่วประเทศ ในวันที่ 1 กรกฎาคม 2562 โดยมีคณะผู้บริหาร พนักงาน และลูกจ้าง ตลอดจนประชาชนเข้าร่วมงานจำนวนมาก
ดร.ชาติชาย พยุหนาวีชัย ผู้อำนวยการธนาคารออมสิน เปิดเผยว่า เพื่อเป็นการแสดงออกถึงความจงรักภักดีและร่วมถวายพระพรชัยมงคลพระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว รวมถึงเป็นการส่งเสริมสนับสนุนและทำนุบำรุงพระพุทธศาสนา ธนาคารออมสินได้จัดโครงการอุปสมบท 1,010 รูป ทั่วไทย เฉลิมพระเกียรติเนื่องในโอกาสมหามงคลพระราชพิธีบรมราชาภิเษก ซึ่งโครงการดังกล่าวเป็น 1 ใน 10 โครงการเฉลิมพระเกียรติ ที่ธนาคารออมสินจัดทำขึ้น เพื่อเฉลิมพระเกียรติเนื่องในโอกาสมหามงคลพระราชพิธีบรมราชาภิเษก พุทธศักราช 2562 สำหรับโครงการอุปสมบท 1,010 รูป ทั่วไทย กำหนดจัดขึ้นระหว่างวันที่ 1 – 15 กรกฎาคม 2562 รวมระยะเวลา 15 วัน โดยจะจัดขึ้นที่วัดสำคัญต่างๆจำนวน 18 แห่งทั่วประเทศ ได้แก่ วัดบวรนิเวศราชวรวิหาร กรุงเทพมหานคร, วัดท่าไม้ จังหวัดสมุทรสาคร, วัดพระธาตุหริภุญชัยวรมหาวิหาร จังหวัดลำพูน, วัดพนัญเชิงวรวิหาร จังหวัดอยุธยา, วัดป่าแสงอรุณ จังหวัดขอนแก่น และวัดพระมหาธาตุวรมหาวิหาร จังหวัดนครศรีธรรมราช เป็นต้น
นอกจากนี้ ตามพันธกิจของธนาคารออมสินที่ให้ความสำคัญของการส่งเสริมการออมและการสร้างวินัยทางการเงินให้กับทุกกลุ่มเป้าหมาย ไม่ว่าจะเป็นเด็ก เยาวชน ประชาชนทั่วไป ผู้สูงวัย ผู้พิการ ชุมชน โรงเรียน ตลอดจนวัดหรือศาสนสถาน โดยเฉพาะตามวัดต่างๆทั่วประเทศพบว่า ยังไม่มีความเชี่ยวชาญในการจัดทำรายงานทางการเงินของวัด (รายรับ-รายจ่าย) ตามแบบที่กำหนด ซึ่งจะเป็นรูปแบบบัญชีรายรับรายจ่ายอย่างง่ายเหมือนกับบัญชีครัวเรือนทั่วไป ธนาคารจึงได้จัดทำ “โครงการธนาคารเพื่อส่งเสริมพระพุทธศาสนา” ขึ้น เพื่อให้บริการทางการเงินแก่วัดแบบครบวงจร โดยมีวัตถุประสงค์ให้วัดมีโครงสร้างการบริหารเงินและกลไกในการเบิกจ่ายเงินที่เป็นระบบ รวมทั้งมีรายงานทางการเงินที่เป็นมาตรฐาน สามารถเปิดเผย ตรวจสอบได้ และมีมาตรฐานการจัดทำบัญชีเป็นไปในทิศทางเดียวกัน ซึ่งจะสร้างความเชื่อมั่นและความศรัทธาให้กับพุทธศาสนิกชนมากยิ่งขึ้น ส่วนพุทธศาสนิกชนมีช่องทางที่สะดวกในการบริจาคเงินให้แก่วัดหรือศาสนสถานต่างๆ อีกทั้งสามารถบันทึก ตรวจสอบข้อมูลการบริจาคในระบบ โดยไม่ต้องจัดเก็บเอกสารหลักฐาน และยังส่งเสริมให้พุทธศาสนิกชนมีส่วนร่วมในการทำบุญ บริจาค ผ่านการใช้ผลิตภัณฑ์และบริการของธนาคาร
สำหรับโครงการดังกล่าวจะประกอบด้วยผลิตภัณฑ์และบริการ ดังนี้ เงินฝากเผื่อเรียกออมบุญ อัตราดอกเบี้ย 1.00% ต่อปี (ตามประกาศอัตราดอกเบี้ยเงินฝากประเภทเผื่อเรียก สำหรับนิติบุคคลไม่แสวงหากำไร บวกเพิ่ม 0.50% ต่อปี) เงินฝากประจำออมบุญ 12 เดือน อัตราดอกเบี้ย 1.80% ต่อปี (ตามประกาศอัตราดอกเบี้ยเงินฝากประเภทประจำ 12 เดือน สำหรับนิติบุคคลไม่แสวงหากำไร โดยใช้อัตราดอกเบี้ยสำหรับวงเงินฝากต่ำสุด บวกเพิ่ม 0.25 ต่อปี) โดยเปิดรับฝากตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป นอกจากนี้ยังมีบริการ QR สาธุ (e-Donation) และบริการ GSB Corporate Internet Banking และบริการบริหารจัดการบัญชีวัด
“โครงการธนาคารเพื่อส่งเสริมพระพุทธศาสนานอกจากจะช่วยให้วัดมีโครงสร้างการบริหารเงินและมีกลไกในการเบิกจ่ายเงินที่เป็นระบบมากขึ้น ยังเป็นการสนับสนุนนโยบายของรัฐบาลในเรื่อง Thailand 4.0 ที่เป็นวิสัยทัศน์เชิงนโยบายการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศ โดยการนำเทคโนโลยีดิจิทัลเข้ามาช่วยขับเคลื่อนประเทศ ไปสู่ “Value–Based Economy” ซึ่งจะสำเร็จได้ต้องใช้ความร่วมมือกับทุกภาคส่วน ทั้งภาคเอกชน ธนาคาร และประชาชน อีกทั้งยังสนองตอบนโยบายของรัฐบาลในการนำพาประเทศก้าวไปสู่สังคมไร้เงินสด (Cashless Society) อีกด้วย” ผู้อำนวยการธนาคารออมสินกล่าว